ASTVผู้จัดการรายวัน - “โกลเบล็ก” ชี้หากเฟดมีมาตรการใหม่ออกมา อาจทำให้ราคาทองคำปรับขึ้นได้แรง “วายแอลจี” แนะนำนักลงทุนซื้อขายในระยะสั้น ส่วนระยะยาวคงต้องรอการย่อตัว และการตั้งฐานของราคาทองคำแล้วจึงเข้าสะสมเพิ่มเติม
โกลเบล็ก โฮลดิ้ง ระบุว่า ราคาทองคำวานนี้ (24 เม.ย.) ในระหว่างชั่วโมงการซื้อขายในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ $0.23/Oz หรือ 0.01% มาอยู่ที่ $1,636.93/Oz (จุดต่ำสุด-สูงสุดในระหว่างชั่วโมงการซื้อขายในประเทศอยู่ที่ $1,633.949-1,640.10/Oz) ราคาทองคำปรับตัวลงในช่วงเช้าจากความกดดันทางยุโรปแต่ได้ปรับตัวขึ้นในช่วงบ่าย หลังจากเนเธอร์แลนด์และสเปนสามารถขายตั๋วเงินได้ตามที่กำหนดไว้ แต่ยังคงมีปัจจัยกดดันจากมูดี้ส์อาจปรับอันดับความน่าเชื่อถือของเนเธอร์แลนด์ลงจาก AAA หลังต้องมีการเลือกตั้งใหม่ และนักลงทุนยังคงจับตาดูการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ ในคืนนี้-คืนวันพุธก่อนตัดสินใจลงทุน
สำหรับแนวโน้มราคาทองคำวันนี้ (25 เม.ย.) คาดว่าราคาทองคำในวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ $1,613-1,657/Oz โดยคืนวานนี้มีตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่มีผลต่อราคาทองคำโดยหากความเชื่อมั่นผู้บริโภคออกมาแย่กว่าที่คาด จะส่งผลบวกต่อราคาทองคำ และนอกจากนี้ การประชุมเฟดที่จะมีขึ้นในคืนวาน และต่อเนื่องมาคืนนี้ หากมีมาตรการใหม่ออกมาอาจทำให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นได้แรง ซึ่งหากดูทางเทคนิค ราคาทองคำยังถูกเส้นค่าเฉลี่ย 5 วันกดดันอยู่อย่างต่อเนื่อง และราคาทองคำยังวิ่งอยู่ในกรอบ Sideway ลงแบบไม่แรง กลยุทธ์ที่เหมาะสมจึงยังเป็นการรอซื้อบริเวณ $1,590-1,620 เหรียญเพื่อรอขายบริเวณใกล้ๆ $1,650 เหรียญ
ด้าน วายแอลจี บุลเลี่ยนฯ ให้แนวโน้มวันที่ 25 เม.ย. ว่า สำนักงานสถิติแห่งชาติของสหภาพยุโรป หรือยูโรสแตท เปิดเผยตัวเลขหนี้สินโดยรวมของประเทศยูโรโซน 17 ชาติสมาชิกที่เพิ่มขึ้น จากระดับ 85.3% ของจีดีพี เป็น 87.2% ของจีดีพี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่มีการรวมตัวกันของยูโรโซน ทั้งนี้ สาธารณรัฐไอร์แลนด์ กรีซ และสเปน เป็น 3 ประเทศที่มียอดขาดดุลงบประมาณสูงสุด ข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าชาติสมาชิกยังคงเผชิญกับความยากลำบากในการควบคุมหนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจเชิงลบในยูโรโซนยังกดดันราคาทองคำ และสะท้อนความรุนแรงของปัญหาได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม แม้ปัจจัยแวดล้อมในตลาดทองคำในขณะนี้จะกดดันราคาทองคำให้ทิ้งตัวลงค่อนข้างมาก แต่นักลงทุนจะสังเกตได้ว่า การทิ้งตัวค่อนข้างแรงของราคาทองคำมักจะเกิดการดีดตัวขึ้นเป็นระยะ ทำให้การขยับตัวลงของราคาทองคำเป็นไปในลักษณะการเคลื่อนไหวในกรอบ เนื่องจากตลาดทองคำยังขาดปัจจัยสำคัญที่จะชี้นำราคาทองคำได้ในระยะยาว ปัจจัยที่เกิดขึ้นในขณะนี้ทำได้เพียงชี้นำราคาทองคำระยะสั้นๆ แต่ด้วยมีปัจจัยหลายตัวที่เข้ามากดดันราคาทองคำ ทำให้การขยับขึ้นของราคาทองคำต้องชะลอออกไป
เบื้องต้น วายแอลจีประเมินแนวรับบริเวณ 1,620 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งหากราคาไม่หลุดโซนนี้ จะมีแรงดีดตัวขึ้นไป แต่หากไม่สามารถผ่านแนวต้านสำคัญบริเวณ 1,653 ดอลลาร์ต่อออนซ์ไปได้ จึงเกิดแรงขายทำกำไรออกมา ต้องระมัดระวังการไหลตัวลงสู่แนวรับสำคัญเดิมที่ 1,620 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สำหรับกลยุทธ์การลงทุนยังอยากให้นักลงทุนเก็งกำไรในระยะสั้นเช่นเดิม
กลยุทธ์การลงทุน มีมุมมองว่าหากราคาทองคำยืนเหนือบริเวณแนวรับ 1,620 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ในระยะสั้น ราคาทองคำอาจขยับขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,653 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยบริเวณนี้ นักลงทุนที่สะสมทองคำไว้อาจมีการขายทำกำไรบ้างส่วนออกมาบ้าง โดยให้ดูว่าราคาจะผ่านแนวต้านได้หรือไม่ ซึ่งหากไม่ผ่าน ราคาอาจจะมีการอ่อนตัวลงอีกครั้ง โดยนักลงทุนที่รอซื้อทองคำอาจรอดูการตั้งฐานของราคาโดยประเมินแนวรับไว้ที่ 1,620 หรือ 1,612 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนำนักลงทุนซื้อขายในระยะสั้น ส่วนนักลงทุนระยะยาวคงต้องรอการย่อตัว และการตั้งฐานของราคาทองคำ แล้วจึงเข้าสะสมทองคำเพิ่มเติม