เอเอฟพี/เอเจนซี - ราคาน้ำมันดิ่งลงแรงกว่า 2 ดอลลาร์ เมื่อวันอังคาร (6) จากความตึงเครียดที่ลดลงเล็กน้อยต่อประเด็นนิวเคลียร์อิหร่าน และแนวโน้มทางเศรษฐกิจที่ไม่สดใสนักของจีนกับยุโรป โดยปัจจัยหลังนี้ก็ฉุดให้วอลล์สตรีท ทรุดลงอย่างหนักท่ามความกังวลรอบใหม่เกี่ยวกับวิกฤตหนี้สินกรีซ
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนเมษายน ลดลง 2.02 ดอลลาร์ ปิดที่ 104.70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 1.82 ดอลลาร์ ปิดที่ 121.98 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ด้วยสุ่มเสียงที่แผ่วเบาลงไปเกี่ยวกับประเด็นอิหร่านของ บารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯและ เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ระหว่างที่ทั้งสองคนพบปะหารือกันในวอชิงตันเมื่อวันจันทร์ (5) ได้ผ่อนคลายความกังวลของนักลงทุนที่แสดงความหวาดหวั่นว่าอิสราเอลจะลงมือโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของเตหะรานในอนาคตอันใกล้นี้
ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์ยังบอกด้วยว่าข่าวที่ชาติตะวันตกยื่นข้อเสนอรอบใหม่ให้กับอิหร่าน สำหรับการคืนสู่โต๊ะเจรจาระงับโครงการนิวเคลียร์ ก็ช่วยกดให้ราคาน้ำมันแกว่งตัวในแดนลบ เช่นเดียวกับมุมมองในด้านรายเกี่ยวกับการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนและยุโรปในปีนี้
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันจันทร์ (5) จีน ชาติผู้บริโภคพลังงานรายใหญ่ของโลก ปรับลดประมาณการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้เหลือเพียงร้อยละ 7.5 ต่ำที่สุดในรอบ 8 ปี ขณะที่ตลาดหุ้นทั่วยุโรปก็ขยับลงอย่างแรงและค่าเงินยูโรก็อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ หลังสำนักงานสถิติของสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) ปรับลดประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจของยูโรโซนในปี 2011 ลง จากร้อยละ 1.5 เหลือ 1.4 หลังจากในปี 2010 ขยายตัวร้อยละ 1.9
สองปัจจัยดังกล่าวประกอบกับความกังวลรอบใหม่ว่ากรีซอาจดำดิ่งสู่ภาวะผิดนัดชำระหนี้ ส่งผลให้ดาวโจนส์ ดิ่งลงกว่า 200 จุด เมื่อวันอังคาร (6) และวอลล์สตรีท ก็พบกับวันที่เลวร้ายที่สุดในรอบเกือบ 3 เดือน
ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ลดลง 204.57 จุด (1.58 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 12,758.24 จุด แนสแดค ลดลง 40.16 จุด (1.36 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,910.32 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 20.94 จุด (1.53 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,343.36
กลุ่มตัวแทนผู้ถือพันธบัตรรัฐบาลกรีซ เตือนว่า ภาวะผิดนัดชำระหนี้อาจก่อความเสียหายแก่ภูมิภาคยุโรปมากกว่า 1 ล้านล้านยูโร ขณะที่เจ้าหนี้มีเวลาจนถึงคืนวันพฤหัสบดี (8) สำหรับตกลงสวอปหนี้ (Bond Swap) ซึ่งนั่นเท่ากับว่า พวกเขาต้องยอมรับการตัดลดมูลค่าการถือครองพันธบัตรกรีซลงเกือบ 1 ใน 3 เพื่อแลกกับการจ่ายเงินสดและการออกพันธบัตรใหม่ที่มีระยะเวลาไถ่ถอนนานออกไป
