ศาลสั่้งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด “ท่าเรือระยอง” เชื่อมีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ หลัง “ปุ๋ยเอ็นเอฟซี” แจ้งผลงานงวดสิ้นปี 54 ขาดทุนลดเหลือ 189 ล้านบาท หรือเกือบ 20% จากปี 53 เหตุราคาขายผลิตภัณฑ์เพิ่ม อีกทั้งปริมาณการขายเพิ่มขึ้นทุกผลิตภัณฑ์ ส่งผลให้รายได้พุ่ง ด้านผู้สอบบัญชีไม่แสดงความเห็นต่องบฯ เพราะบริษัทมีขาดทุนสะสมเกินทุนและการค้ำประกันหุ้นกู้บริษัทย่อยมีนัยสำคัญมากต่องบ
นางบงกช รัศมีไพศาล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ด้านการเงินและบริหาร บริษัท ปุ๋ยเอ็นเอฟซี จำกัด (มหาชน) หรือ NFC แจ้งผลงานงวดสิ้นปี 54 ว่าบริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 188.57 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปี 53 ที่ขาดทุน 235.71 ล้านบาท หรือลดลง 47.14 ล้านบาท คิดเป็นลดลง 19.99%
โดยงวดนี้ บริษัท และบริษัทย่อยมีรายได้จากการดำเนินงาน 673 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 175 ล้านบาทจากปี 53 หรือเพิ่มขึ้น 35% เป็นผลจากราคาขายผลิตภัฑ์ที่ปรับขึ้นตามราคาตลาดโลกและปริมาณการขายผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นทุกผลิตภัณฑ์ แม้ว่าบริษัทย่อยจะมีรายได้จากการบริการลดลง ขณะที่ต้นทุนขาย และบริการเพิ่มขึ้น เนื่องจากต้นทุนบริการเพิ่มขึ้นจากการปรับปรุงการบันทึกบัญชีเกี่ยวกับผลประโยชน์ตอบแทนที่ต้องจ่ายให้แก่การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย อีกทั้งการบันทึกค่าเสื่อมราคาสินทรัพย์เพิ่มขึ้นทำให้กำไรขั้นต้นลดลง
ขณะที่ผู้สอบบัญชีไม่แสดงความเห็นต่องบการเงิน เนื่องจากความไม่แน่นอนในการดำเนินงานต่อเนื่องของบริษัท และบริษัทย่อย จากเหตุการณ์ที่มีสาระสำคัญอย่างมากต่องบการเงินรวมและงบการเงินเฉพาะของบริษัท กรณีบริษัทมีขาดทุนสะสมเกินทุน และอยู่ในกระบวนการฟื้นฟูกิจการผ่านศาลล้มละลายกลาง ซึ่งผู้สอบบัญชีมีความเห็นว่า การดำเนินงานต่อเนื่องของบริษัทขึ้นอยู่กับความสำเร็จของการฟื้นฟูกิจการในอนาคต และศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด บริษัท ท่าเรือระยอง จำกัด (บริษัทย่อย) ในฐานะผู้ค้ำประกันหุ้นกู้ของบริษัท ซึ่งต้องรับผิดชอบภาระหนี้ในส่วนที่ผู้ถือหุ้นกู้ไม่ได้รับชำระหนี้เต็มจำนวนจากแผนฟื้นฟูกิจการของบริษัท บริษัทย่อยได้ยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำสังพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดไปยังศาลฎีกาซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล
อย่างไรก็ตาม คำสั่้งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดนั้นมีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทย่อยและอาจส่งผลกระทบต่อบริษัท เนื่องจากบริษัทมีสัดส่วนเงินลงทุนในบริษัทย่อย 83.25% เป็นเงิน 636 ล้านบาท ซึ่งเป็นสาระสำคัญต่องบการเงินของบริษัท
พร้อมกันนี้ NFC ยังแจ้งอีกว่า บริษัทอยู่ระหว่างการปฎิบัติตามแผนฟื้นฟูกิจการ โดยดำเนินการผ่อนชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้แต่ละกลุ่มที่กำหนดในแผนฟื้นฟูกิจการ และเมื่อ 2 พ.ย.54 บริษัทในฐานะผู้บริหารแผนได้ยื่นคำร้องขอแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เพื่อขอประกอบธุรกิจจำหน่ายไม้สับ (woodchips) เนื่องจากเป็นธุรกิจที่สามารถก่อให้เกิดรายได้จากการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สินที่มีอยู่เดิมของบริษัทให้เกิดประโยชน์สูงสุด และที่ประชุมเจ้าหนี้มีมติยอมรับข้อเสนอแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการดังกล่าว ด้วยคะแนน 82.48% ของเจ้าหนี้ที่มีสิทธิออกเสียง และลงมติซึ่งเป็นจำนวนหนี้ที่ไม่น้อยกว่า 50% ของจำนวนหนี้ทั้งหมด ต่อมาศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งเห็นชอบข้อเสนอแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการดังกล่าวในวันที่ 28 มี.ค.55
นางบงกช รัศมีไพศาล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ด้านการเงินและบริหาร บริษัท ปุ๋ยเอ็นเอฟซี จำกัด (มหาชน) หรือ NFC แจ้งผลงานงวดสิ้นปี 54 ว่าบริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 188.57 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปี 53 ที่ขาดทุน 235.71 ล้านบาท หรือลดลง 47.14 ล้านบาท คิดเป็นลดลง 19.99%
โดยงวดนี้ บริษัท และบริษัทย่อยมีรายได้จากการดำเนินงาน 673 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 175 ล้านบาทจากปี 53 หรือเพิ่มขึ้น 35% เป็นผลจากราคาขายผลิตภัฑ์ที่ปรับขึ้นตามราคาตลาดโลกและปริมาณการขายผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นทุกผลิตภัณฑ์ แม้ว่าบริษัทย่อยจะมีรายได้จากการบริการลดลง ขณะที่ต้นทุนขาย และบริการเพิ่มขึ้น เนื่องจากต้นทุนบริการเพิ่มขึ้นจากการปรับปรุงการบันทึกบัญชีเกี่ยวกับผลประโยชน์ตอบแทนที่ต้องจ่ายให้แก่การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย อีกทั้งการบันทึกค่าเสื่อมราคาสินทรัพย์เพิ่มขึ้นทำให้กำไรขั้นต้นลดลง
ขณะที่ผู้สอบบัญชีไม่แสดงความเห็นต่องบการเงิน เนื่องจากความไม่แน่นอนในการดำเนินงานต่อเนื่องของบริษัท และบริษัทย่อย จากเหตุการณ์ที่มีสาระสำคัญอย่างมากต่องบการเงินรวมและงบการเงินเฉพาะของบริษัท กรณีบริษัทมีขาดทุนสะสมเกินทุน และอยู่ในกระบวนการฟื้นฟูกิจการผ่านศาลล้มละลายกลาง ซึ่งผู้สอบบัญชีมีความเห็นว่า การดำเนินงานต่อเนื่องของบริษัทขึ้นอยู่กับความสำเร็จของการฟื้นฟูกิจการในอนาคต และศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด บริษัท ท่าเรือระยอง จำกัด (บริษัทย่อย) ในฐานะผู้ค้ำประกันหุ้นกู้ของบริษัท ซึ่งต้องรับผิดชอบภาระหนี้ในส่วนที่ผู้ถือหุ้นกู้ไม่ได้รับชำระหนี้เต็มจำนวนจากแผนฟื้นฟูกิจการของบริษัท บริษัทย่อยได้ยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำสังพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดไปยังศาลฎีกาซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล
อย่างไรก็ตาม คำสั่้งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดนั้นมีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทย่อยและอาจส่งผลกระทบต่อบริษัท เนื่องจากบริษัทมีสัดส่วนเงินลงทุนในบริษัทย่อย 83.25% เป็นเงิน 636 ล้านบาท ซึ่งเป็นสาระสำคัญต่องบการเงินของบริษัท
พร้อมกันนี้ NFC ยังแจ้งอีกว่า บริษัทอยู่ระหว่างการปฎิบัติตามแผนฟื้นฟูกิจการ โดยดำเนินการผ่อนชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้แต่ละกลุ่มที่กำหนดในแผนฟื้นฟูกิจการ และเมื่อ 2 พ.ย.54 บริษัทในฐานะผู้บริหารแผนได้ยื่นคำร้องขอแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เพื่อขอประกอบธุรกิจจำหน่ายไม้สับ (woodchips) เนื่องจากเป็นธุรกิจที่สามารถก่อให้เกิดรายได้จากการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สินที่มีอยู่เดิมของบริษัทให้เกิดประโยชน์สูงสุด และที่ประชุมเจ้าหนี้มีมติยอมรับข้อเสนอแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการดังกล่าว ด้วยคะแนน 82.48% ของเจ้าหนี้ที่มีสิทธิออกเสียง และลงมติซึ่งเป็นจำนวนหนี้ที่ไม่น้อยกว่า 50% ของจำนวนหนี้ทั้งหมด ต่อมาศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งเห็นชอบข้อเสนอแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการดังกล่าวในวันที่ 28 มี.ค.55