"เชลล์" เปิดแผนลงทุนปี 55 ยันเดินหน้าขยายธุรกิจในไทย เตรียมอัดเม็ดเงินกว่า 1 พันล้าน หวังขึ้นอันดับ 2 ธุรกิจน้ำมัน พร้อมหนุนรัฐปรับโครงสร้างราคาพลังงาน เก็บภาษี "ดีเซล-เบนซิน" ลิตรละ 5 บาท แบบขั้นบันได เพื่อให้คนไทยประหยัด ไม่ต้องอุดหนุนเพื่อนบ้าน หลังเปิด "เออีซี" แนะรัฐเลิกเบนซิน 91 ต้องรอบคอบ เพราะโรงกลั่นอาจต้องหันไปส่งออกเบนซิน และนำเข้าน้ำมันดิบสูง เพื่อทำแก๊สโซฮอล์
นางพิศวรรณ อัชนะพรกุล ประธานกรรมการ บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด กล่าวถึงแผนการลงทุนในปี 2555 โดยยืนยันว่า กลุ่มเชลล์จะเพิ่มการลงทุนในประเทศไทยกว่า 1,000 ล้านบาท ทั้งการขยายธุรกิจน้ำมันหล่อลื่น ยางมะตอย และน้ำมันเชื้อเพลิง
ทั้งนี้ ประเมินว่า ธุรกิจยางมะตอยคาดจะมีมูลค่าสูงขึ้น เพราะผลกระทบของน้ำท่วม ทำให้ต้องมีการซ่อมสร้างถนนเส้นทางต่างๆ เพิ่มมากขึ้น ส่วนน้ำมันใสวางแผนจะสร้างปั๊มใหม่ 10 แห่ง ลงทุนโดยเชลล์เอง 6 แห่ง เม็ดเงินลงทุนประมาณ 70 ล้านบาทต่อแห่ง ส่วนที่เหลือดีลเลอร์จะเป็นผู้ลงทุน รวมแล้วปีนี้จะมีปั๊มรวมกว่า 570 แห่ง โดยจะมีโปรโมชั่นแข่งขันต่อเนื่อง ตั้งเป้าหมายจะครองอันดับ 2 สำหรับการขายปลีกน้ำมัน
“ราคาน้ำมันปีนี้จะไม่ธรรมดา เพราะจากที่อากาศหนาวปกคลุมในหลายประเทศ และทุกปีอุณหภูมิจะลดลง ทำให้ความต้องการน้ำมันทำความอบอุ่นเพิ่มขึ้น การเติบโตของความต้องการสูงกว่ากำลังผลิต ทำให้หลายประเทศ เช่น เยอรมนี กลับมาเดินเครื่องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เพื่อลดต้นทุนเชื้อเพลิง และทั่วโลก รวมทั้งรัฐบาลไทย ก็อาจจะหันกลับมาพิจารณาเรื่องนิวเคลียร์อีกครั้งหลังจากชะลอไป เพราะเหตุการณ์สึนามิ ในญี่ปุ่นปีที่แล้ว”
สำหรับนโยบายปรับโครงสร้างราคาพลังงานด้วยการทยอยขึ้นราคาเชื่อเพลิงธรรมชาติ ก๊าซแอลพีจี และก๊าซเอ็นจีวี รวมทั้งการทยอยขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล และเบนซิน ลิตรละ 5 บาทแบบขั้นบันได ถือเป็นเรื่องที่ถูกต้อง เพราะการอุดหนุนราคามากเกินไปนอกจากจะมีการใช้พลังงานแบบ ไม่มีประสิทธิภาพแล้ว คนไทยยังจะรับภาระการอุดหนุนประเทศเพื่อนบ้าน เพราะมีการนำไปใช้ในประเทศเพื่อนบ้าน ในขณะที่หากข้อตกลงประชาคมอาเซียน (เออีซี) มีผลบังคับใช้แล้ว ไทยก็จะต้องรับภาระอุดหนุนให้กับอาเซียนอีกด้วย
นางพิศวรรณ กล่าวเสริมว่า เชลล์ยังไม่มีนโยบายเปิดปั๊มก๊าซแอลพีจีและเอ็นจีวี และในขณะนี้ เชลล์กำลังรอดูนโยบายรัฐบาลว่า จะทบทวนการยกเลิกการจำหน่ายเบนซิน 91 ในเดือนตุลาคม 2555 นี้หรือไม่ ซึ่งในส่วนของเชลล์พร้อมทำตามหากยกเลิกจริง
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องเตรียมการ คือ ในส่วนของโรงกลั่นน้ำมันน้ำมันที่จะเกิดปัญหาผลิตภัณฑ์ไม่สมดุล ต้องมีการส่งออกเบนซิน ขณะที่ต้องมีการนำเข้าน้ำมันพื้นฐานสำหรับการผลิตแก๊สโซฮอล์ หากไม่เตรียมพร้อมปรับการผลิตให้ดี อาจทำให้ประเทศไทยต้องเสียเงินนำเข้าน้ำมันพื้นฐานมากขึ้น
