ASTVผู้จัดการรายวัน - บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Rating) ระยะยาวของ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP ที่ระดับ ‘AA-(tha)’ (AA ลบ (tha)) และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ระดับ ‘F1+(tha)’ และคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวหุ้นกู้ไม่มีหลักประกันและไม่ด้อยสิทธิของบริษัทที่ระดับ ‘AA-(tha)’ (AA ลบ (tha)) แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
โดยฟิทช์มองว่า TOP สามารถรักษาฐานะทางการเงินให้อยู่ในระดับที่สองคล้องกับอันดับเครดิต ณ ปัจจุบันของ TOP ได้ แม้มีแผนการลงทุนเพิ่มคาดว่าจะสามารถรักษาอัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม ค่าตัดจำหน่าย และค่าเช่า ( Adjusted Net Debt to EBITDAR) ที่ระดับ 1 เท่า ตั้งแต่ปี 56 เป็นต้นไป และคาดว่ากระแสเงินสดที่ได้จากการดำเนินงานของTOP จะเป็นแหล่งเงินทุนหลักสำหรับค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ฟิทช์มองว่าการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนมีแนวโน้มที่จะลดความสามารถในการรักษาอันดับเครดิต ณ ปัจจุบัน เนื่องจากอัตราส่วนหนี้สินสูงขึ้น
และสะท้อนถึงโรงกลั่นน้ำมันที่มีกำลังการผลิตขนาดใหญ่ มีกระบวนการกลั่นแบบคอมเพล็กซ์ที่สามารถผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมสำเร็จรูปชนิดที่มีมูลค่าสูงได้ในสัดส่วนที่สูงและต้นทุนการผลิตต่ำทำให้สามารถรักษาขีดความสามารถในการแข่งขัน ได้เปรียบด้านต้นทุนการผลิตที่ต่ำเมื่อเทียบกับบริษัทอื่นๆในภูมิภาคเดียวกัน รวมถึงความสำคัญทางกลยุทธ์ของบริษัทฯที่มีต่อ บมจ. ปตท. หรือ ปตท. และลักษณะการดำเนินธุรกิจที่เชื่อมโยงระหว่างกันในฐานะโรงกลั่นน้ำมันหลักของกลุ่ม ปตท.
นอกจากนี้การที่บริษัทฯมีสายการผลิตต่อเนื่องไปยังการผลิตอะโรเมติกส์ น้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานและผลิตภัณฑ์โซลเว้นท์ยังเป็นการเพิ่มระดับการผลิตแบบครบวงจร ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์น้ำมันและลดความผันผวนของส่วนต่างของรายได้กับต้นทุน ขณะเดียวกันการเข้าไปดำเนินธุรกิจผลิตไฟฟ้าของบริษัทฯก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยลดความผันผวนของการสร้างกระแสเงินสดจากธุรกิจการกลั่นน้ำมัน
อันดับเครดิตของบริษัทฯ ยังพิจารณารวมถึงปัจจัยเสี่ยงจากการที่บริษัทฯต้องเผชิญกับความผันผวนที่สูงของราคาน้ำมัน ราคาน้ำมันสำเร็จรูป ค่าการกลั่น ตลอดจนวัฏจักรของธุรกิจปิโตรเคมี และยังพิจารณาถึงความเสี่ยงจากการที่ประเทศไทยต้องพึ่งพาแหล่งน้ำมันดิบจากต่างประเทศในสัดส่วนที่สูง
ฟิทช์กล่าวว่า ค่าการกลั่นและส่วนต่างระหว่างราคาวัตถุดิบและราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่อยู่ในระดับต่ำอย่างต่อเนื่อง และการเพิ่มขึ้นของการลงทุนที่ใช้เงินกู้เป็นแหล่งเงินทุนซึ่งจะนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของอัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม ค่าตัดจำหน่าย และค่าเช่าที่สูงกว่า 1.25 เท่าอย่างต่อเนื่อง อาจส่งผลกระทบในทางลบต่ออันดับเครดิตได้ ขณะที่การปรับเพิ่มอันดับเครดิตภายในสองถึงสามปีข้างหน้ามีความเป็นไปได้น้อย เนื่องจากข้อจำกัดของอันดับเครดิตซึ่งได้แก่ขนาดการผลิตและการที่บริษัทฯมีฐานการผลิตเพียงแห่งเดียว ซึ่งมีความเป็นไปได้น้อยที่บริษัทฯจะเปลี่ยนแปลงดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
โดยฟิทช์มองว่า TOP สามารถรักษาฐานะทางการเงินให้อยู่ในระดับที่สองคล้องกับอันดับเครดิต ณ ปัจจุบันของ TOP ได้ แม้มีแผนการลงทุนเพิ่มคาดว่าจะสามารถรักษาอัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม ค่าตัดจำหน่าย และค่าเช่า ( Adjusted Net Debt to EBITDAR) ที่ระดับ 1 เท่า ตั้งแต่ปี 56 เป็นต้นไป และคาดว่ากระแสเงินสดที่ได้จากการดำเนินงานของTOP จะเป็นแหล่งเงินทุนหลักสำหรับค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ฟิทช์มองว่าการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนมีแนวโน้มที่จะลดความสามารถในการรักษาอันดับเครดิต ณ ปัจจุบัน เนื่องจากอัตราส่วนหนี้สินสูงขึ้น
และสะท้อนถึงโรงกลั่นน้ำมันที่มีกำลังการผลิตขนาดใหญ่ มีกระบวนการกลั่นแบบคอมเพล็กซ์ที่สามารถผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมสำเร็จรูปชนิดที่มีมูลค่าสูงได้ในสัดส่วนที่สูงและต้นทุนการผลิตต่ำทำให้สามารถรักษาขีดความสามารถในการแข่งขัน ได้เปรียบด้านต้นทุนการผลิตที่ต่ำเมื่อเทียบกับบริษัทอื่นๆในภูมิภาคเดียวกัน รวมถึงความสำคัญทางกลยุทธ์ของบริษัทฯที่มีต่อ บมจ. ปตท. หรือ ปตท. และลักษณะการดำเนินธุรกิจที่เชื่อมโยงระหว่างกันในฐานะโรงกลั่นน้ำมันหลักของกลุ่ม ปตท.
นอกจากนี้การที่บริษัทฯมีสายการผลิตต่อเนื่องไปยังการผลิตอะโรเมติกส์ น้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานและผลิตภัณฑ์โซลเว้นท์ยังเป็นการเพิ่มระดับการผลิตแบบครบวงจร ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์น้ำมันและลดความผันผวนของส่วนต่างของรายได้กับต้นทุน ขณะเดียวกันการเข้าไปดำเนินธุรกิจผลิตไฟฟ้าของบริษัทฯก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยลดความผันผวนของการสร้างกระแสเงินสดจากธุรกิจการกลั่นน้ำมัน
อันดับเครดิตของบริษัทฯ ยังพิจารณารวมถึงปัจจัยเสี่ยงจากการที่บริษัทฯต้องเผชิญกับความผันผวนที่สูงของราคาน้ำมัน ราคาน้ำมันสำเร็จรูป ค่าการกลั่น ตลอดจนวัฏจักรของธุรกิจปิโตรเคมี และยังพิจารณาถึงความเสี่ยงจากการที่ประเทศไทยต้องพึ่งพาแหล่งน้ำมันดิบจากต่างประเทศในสัดส่วนที่สูง
ฟิทช์กล่าวว่า ค่าการกลั่นและส่วนต่างระหว่างราคาวัตถุดิบและราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่อยู่ในระดับต่ำอย่างต่อเนื่อง และการเพิ่มขึ้นของการลงทุนที่ใช้เงินกู้เป็นแหล่งเงินทุนซึ่งจะนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของอัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม ค่าตัดจำหน่าย และค่าเช่าที่สูงกว่า 1.25 เท่าอย่างต่อเนื่อง อาจส่งผลกระทบในทางลบต่ออันดับเครดิตได้ ขณะที่การปรับเพิ่มอันดับเครดิตภายในสองถึงสามปีข้างหน้ามีความเป็นไปได้น้อย เนื่องจากข้อจำกัดของอันดับเครดิตซึ่งได้แก่ขนาดการผลิตและการที่บริษัทฯมีฐานการผลิตเพียงแห่งเดียว ซึ่งมีความเป็นไปได้น้อยที่บริษัทฯจะเปลี่ยนแปลงดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ