ผู้บริหาร ธ.กสิกรฯ คาดกองทุนประกันภัย ไม่ช่วยเบี้ยประกันของไทยลดลง คาดปัจจัยเสี่ยงที่รุมเร้า ส่งผลให้ภาคธุรกิจแห่ซื้อประกันคู่ค้า คุ้มครองถูกเบี้ยวหนี้ ตั้งเป้าโกยเบี้ยฯ ปี 55 โตพรวด 45%
นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลจากวิกฤตอุทกภัยปี 2554 ของไทยสร้างความเสียหายต่อธุรกิจประกันในการจ่ายเงินชดเชยจำนวนมาก บริษัทประกันต้องจ่ายชดเชยสูงกว่า 8,000-10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 300,000 ล้านบาท สูงเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากภัยสึนามิในญี่ปุ่น และแผ่นดินไหวในนิวซีแลนด์ ส่งผลให้บริษัทประกันชะลอการขายกรมธรรม์ประกันภัยที่คุ้มครองธรรมชาติ โดยเฉพาะภัยน้ำท่วม เนื่องจากบริษัทรับประกันภัยต่อในต่างประเทศได้จำกัดการขายตามความเสี่ยงที่สูงขึ้น
นอกจากนี้ ลูกค้าประกันยังถูกจำกัดความคุ้มครองไว้เพียงร้อยละ 10-30 ของทุนประกัน หรือสูงสุด 50 ล้านบาท เบี้ยประกันภัยสูงขึ้นกว่าเท่าตัวตามพื้นที่เสี่ยง และหากเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่มีทุนประกันสูง บริษัทประกันจะพิจารณาเป็นรายกรณี
ส่วนการจัดตั้งกองทุนประกันภัยทุนประเดิม 50,000 ล้านบาท คงไม่ได้ช่วยให้เบี้ยประกันของไทยลดลงในทันที เป็นเพียงการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ถูกบริษัทรับประกันภัยต่อไม่รับต่อสัญญา ซึ่งวงเงินทุนประเดิมที่กำหนดอาจประเมินจากความเสียหายที่เกิดขึ้นจากวิกฤติอุทกภัย 2554 จะเพียงพอที่จะคุ้มครองความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตจากภัยธรรมชาติหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการหารายได้จากการรับประกันภัย
นายทรงพล เชื่อว่าภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นต่อเนื่องและรุนแรงมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมาจะทำให้ประชาชน และผู้ประกอบการทำประกันภัยในปีนี้เพิ่มขึ้น เพราะถือเป็นเครื่องมือที่ช่วยบรรเทาความเสียหายจากภัยธรรมชาติ ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวก็จะช่วยให้การเติบโตของเบี้ยประกันภัยทั้งระบบ ปีนี้เติบโตได้ร้อยละ 10
สำหรับทิศทางภาพรวมธุรกิจประกันภัย นายทรงพล ประเมินว่า ผลจากภาวะเศรษฐกิจ ปัญหาการเมือง ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นทั่วโลก จะเป็นตัวผลักดันให้ธุรกิจไทยที่เกี่ยวข้องกับการค้าขายระหว่างประเทศ เห็นความสำคัญของการซื้อความคุ้มครองที่เกิดจากลูกหนี้ทางการค้าไม่ชำระหนี้ หรือลูกหนี้ล้มละลายมากขึ้น จากเดิมทั้งระบบให้ความสนใจในธุรกรรมนี้น้อยมาก มีมูลค่าเพียง 10 ล้านบาท เทียบกับมูลค่าการค้าทั้งสิ้น 10 ล้านล้านบาท
ทั้งนี้ หากคิดเฉพาะลูกค้าของธนาคารกสิกรไทย มีการทำธุรกรรมนี้ 35,000 ล้านบาท จากมูลค่าการค้าขายทั้งสิ้น 2.5 ล้านล้านบาท โดยเฉพาะการค้าไปยุโรป ผู้ประกอบการไทยทำประกันน้อยมาก แต่ส่วนหนึ่งมีการปิดความเสี่ยงด้วยการเปิดแอลซีกับสถาบันการเงินแทน โดยลูกค้าธนาคารกสิกรไทยทำธุรกรรมนี้สัดส่วน 30% ของมูลค่าการส่งออก
อย่างไรก็ตาม ภายในปี 2555 นี้ ธนาคารตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาดธุรกรรมการประกันภัยลูกหนี้ทางการค้าไว้ 21% คิดเป็นมูลค่า 30,000 ล้านบาท และตั้งเป้าเบี้ยประกันภัยสำหรับลูกค้าธุรกิจในปี 2555 เติบโต 45% หรือคิดเป็นเบี้ยประกันภัยรับรวม 5,000 ล้านบาท โดยจะเน้นรักษาความเป็นผู้นำด้านประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อธุรกิจ การเพิ่มพันธมิตรบริษัทประกันภัย เพื่อให้สามารถรองรับงานที่มีความเสี่ยงหลากหลายรูปแบบ โดยเฉพาะประกันภัยธรรมชาติที่คาดว่าเบี้ยประกันภัยจะเพิ่มขึ้นและมีการจำกัดความคุ้มครอง 10-30% ของทุนประกันสูงสุด 50 ล้านบาท