ASTVผู้จัดการรายวัน - ไทยพาณิชย์ตั้งเป้าสินเชื่อปีนี้โต 12-14% ชะลอลงจากปีก่อน รอจับตาวิกฤติยุโรป-เศรษฐกิจโลกยังเสี่ยง พร้อมเตรียมกันสำรองเพิ่ม
นางกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)(SCB) กล่าวว่า กลยุทธในการดำเนินธุรกิจของธนาคารในปีนี้ จะไม่แตกต่างจากปีก่อน โดยจะดำเนินยุทธศาสตร์ธุรกิจที่สามารถปรับตัวได้เร็วต่อสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดต่างๆ เนื่องจากประเมินว่าในปีนี้จะเป็นปีแห่งความผันผวน จากวิกฤติเศรษฐกิจยุโรปที่ยังไม่มีแนวทางที่ชัดเจนในการปัญหา ทำให้ธนาคารต้องเตรียมพร้อมรับมือในทุกๆสถานการณ์ พร้อมกันนั้น ธนาคารก็จะเดินหน้าในการเป็น ธนาคารที่ให้บริการครบวงจรแก่ลูกค้าที่ดีที่สุดของประเทศ (The Best Universal Bank)ด้วย
สำหรับปี 2555 นั้น จากปัจจัยเสี่ยงทั้งต่างประเทศและภายในประเทศ ธนาคารจึงประเมืนเศรษฐกิจไทยจะสามารถขยายตัวได้ระหว่าง 4.5 - 4.7% จึงตั้งเป้าการขยายตัวของสินเชื่อโดยรวมที่ 12-14% จากปีก่อนที่เติบโต 22.1% อัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น 17-19% ส่วนต่างดอกเบี้ย(NIM) 3%+ จากปีก่อน 3.26% และสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) 2.5% จากปีก่อนหน้าที่ระดับ 2.61% พร้อมกันนั้น ธนาคารก็ได้เตรียมที่จะตั้งสำรองเพิ่มเติมอีกในระดับใกล้เคียงกับปีก่อนที่ตั้งสำรองเพิ่ม 6,600 ล้านบาท
ขณะที่ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยในปี 55 ที่ตั้งเป้าไม่ต่ำกว่า 3% จากปี 54 ที่อยู่ระดับ 3.26%นั้น เป็นอัตราที่ได้คำนึงถึงในปีนี้ที่ธนาคารมีต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากการต้องนำส่งค่าธรรมเนียมเข้าสถาบันคุ้มครองเงินฝาก ซึ่งปีนี้จะเป็นปีที่มีต้นทุนสูงมากและมีการแข่งขันสูง ดังนั้นธนาคารต้องเฝ้าระวังและปรับตัว ขณะเดียวกันตั้งเป้าเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียมมากขึ้น
"เป้าหมายทางธุรกิจของธนาคารในปีนี้ โดยรวมอาจจะมีอัตราการขยายตัวที่ต่ำกว่าปีก่อน เป็นเพราะในช่วงหลายปีที่ผ่านมาธนาคารเติบโตในอัตราสูงมาตลอด ปีนี้จะเริ่มต้นด้วยความระมัดระวังก่อน รอดูสถานการณ์อีกสัก 6 เดือน แล้วค่อยว่ากันอีกครั้ง แต่แม้ว่าเราจะโตในอัตราที่ต่ำลง แต่ก็ยังนับว่าเติบโตสูงกว่าระบบ"
ทั้งนี้ การเติบโตด้านสินเชื่อของธนาคารจะเน้นใน 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ ธุรกิจขนาดใหญ่ กลุ่มลูกค้าธุรกิจ(SME) และกลุ่มลูกค้าบุคคล
**เตือนรับมือบาทผันผวน**
ด้านนางสาวสุทธาภา อมรวิวัฒน์ Chief Economist และผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ปัจจัยเสี่ยงของเศรษฐกิจไทยในปีนี้มีทั้งปัจจัยจากภายนอก และภายใน โดยในส่วนของต่างประเทศจะต้องจับตาดูวิกฤติหนี้สาธารณะของยุโรป ซึ่งหากมีความรุนแรงขึ้น ก็จะส่งผลกระทบต่อไทยใน 3 ด้านได้แก่ 1.การส่งออกที่หดตัวลงตามกำลังซื้อ 2.การถือครองเงินสด ที่นักลงทุนจะหันไปถือครองเงินตราสกุลหลักมากขึ้น ทำให้ค่าเงินมีความผันผวน ซึ่งผู้ประกอบการต้องระมัดระวัง และ3.สภาพคล่องในการกู้ยืมเงินเป็นสกุลต่างประเทศจะลดลง
ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศยังคงต้องดูเรื่องเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากราคาน้ำมัน และนโยบายของรัฐบาล อาทิ การเพิ่มค่าแรง จึงคาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้ไม่น่าจะขยับขึ้นหรือลงจากระดับปัจจุบันที่ 3%มากนัก อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ระดับ 3.5-4% และค่าเงินบาทจะอยู่ระหว่าง 30-31 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แต่จะมีความผันผวนมาก
นางกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)(SCB) กล่าวว่า กลยุทธในการดำเนินธุรกิจของธนาคารในปีนี้ จะไม่แตกต่างจากปีก่อน โดยจะดำเนินยุทธศาสตร์ธุรกิจที่สามารถปรับตัวได้เร็วต่อสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดต่างๆ เนื่องจากประเมินว่าในปีนี้จะเป็นปีแห่งความผันผวน จากวิกฤติเศรษฐกิจยุโรปที่ยังไม่มีแนวทางที่ชัดเจนในการปัญหา ทำให้ธนาคารต้องเตรียมพร้อมรับมือในทุกๆสถานการณ์ พร้อมกันนั้น ธนาคารก็จะเดินหน้าในการเป็น ธนาคารที่ให้บริการครบวงจรแก่ลูกค้าที่ดีที่สุดของประเทศ (The Best Universal Bank)ด้วย
สำหรับปี 2555 นั้น จากปัจจัยเสี่ยงทั้งต่างประเทศและภายในประเทศ ธนาคารจึงประเมืนเศรษฐกิจไทยจะสามารถขยายตัวได้ระหว่าง 4.5 - 4.7% จึงตั้งเป้าการขยายตัวของสินเชื่อโดยรวมที่ 12-14% จากปีก่อนที่เติบโต 22.1% อัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น 17-19% ส่วนต่างดอกเบี้ย(NIM) 3%+ จากปีก่อน 3.26% และสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) 2.5% จากปีก่อนหน้าที่ระดับ 2.61% พร้อมกันนั้น ธนาคารก็ได้เตรียมที่จะตั้งสำรองเพิ่มเติมอีกในระดับใกล้เคียงกับปีก่อนที่ตั้งสำรองเพิ่ม 6,600 ล้านบาท
ขณะที่ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยในปี 55 ที่ตั้งเป้าไม่ต่ำกว่า 3% จากปี 54 ที่อยู่ระดับ 3.26%นั้น เป็นอัตราที่ได้คำนึงถึงในปีนี้ที่ธนาคารมีต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากการต้องนำส่งค่าธรรมเนียมเข้าสถาบันคุ้มครองเงินฝาก ซึ่งปีนี้จะเป็นปีที่มีต้นทุนสูงมากและมีการแข่งขันสูง ดังนั้นธนาคารต้องเฝ้าระวังและปรับตัว ขณะเดียวกันตั้งเป้าเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียมมากขึ้น
"เป้าหมายทางธุรกิจของธนาคารในปีนี้ โดยรวมอาจจะมีอัตราการขยายตัวที่ต่ำกว่าปีก่อน เป็นเพราะในช่วงหลายปีที่ผ่านมาธนาคารเติบโตในอัตราสูงมาตลอด ปีนี้จะเริ่มต้นด้วยความระมัดระวังก่อน รอดูสถานการณ์อีกสัก 6 เดือน แล้วค่อยว่ากันอีกครั้ง แต่แม้ว่าเราจะโตในอัตราที่ต่ำลง แต่ก็ยังนับว่าเติบโตสูงกว่าระบบ"
ทั้งนี้ การเติบโตด้านสินเชื่อของธนาคารจะเน้นใน 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ ธุรกิจขนาดใหญ่ กลุ่มลูกค้าธุรกิจ(SME) และกลุ่มลูกค้าบุคคล
**เตือนรับมือบาทผันผวน**
ด้านนางสาวสุทธาภา อมรวิวัฒน์ Chief Economist และผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ปัจจัยเสี่ยงของเศรษฐกิจไทยในปีนี้มีทั้งปัจจัยจากภายนอก และภายใน โดยในส่วนของต่างประเทศจะต้องจับตาดูวิกฤติหนี้สาธารณะของยุโรป ซึ่งหากมีความรุนแรงขึ้น ก็จะส่งผลกระทบต่อไทยใน 3 ด้านได้แก่ 1.การส่งออกที่หดตัวลงตามกำลังซื้อ 2.การถือครองเงินสด ที่นักลงทุนจะหันไปถือครองเงินตราสกุลหลักมากขึ้น ทำให้ค่าเงินมีความผันผวน ซึ่งผู้ประกอบการต้องระมัดระวัง และ3.สภาพคล่องในการกู้ยืมเงินเป็นสกุลต่างประเทศจะลดลง
ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศยังคงต้องดูเรื่องเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากราคาน้ำมัน และนโยบายของรัฐบาล อาทิ การเพิ่มค่าแรง จึงคาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้ไม่น่าจะขยับขึ้นหรือลงจากระดับปัจจุบันที่ 3%มากนัก อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ระดับ 3.5-4% และค่าเงินบาทจะอยู่ระหว่าง 30-31 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แต่จะมีความผันผวนมาก