ASTVผู้จัดการรายวัน-บล.ทิสโก้ เสนอ ก.ล.ต.คุมเข้มคุณสมบัติโบรกเกอร์รายใหม่ หวั่นเข้ามาตัดราคา-กว้านซื้อมาร์เกตติ้ง ส่งผลธุรกิจแข่งขันดุ-อุตสาหกรรมหยุดการพัฒนา หลังเปิดเสรีใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ ด้าน “นายกสมาคมโบรกเกอร์ “เตรียมหารือสมาชิกทั้งเปิดเสรีใบอนุญาต-ค่าคอมมิชชั่น หลังข่าว รมว.คลังคนใหม่มีแนวคิดให้ทบทวน
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า จากการเปิดเสรีใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ ในปีนี้ ส่วนตัวมีความกังวลหากเปิดให้มีผู้ประกอบการรายใหม่เข้ามาจะมีการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์แบบต้นทุนต่ำ (ดิสเคาท์โบรกเกอร์) ทำให้มีการแข่งขันด้านราคารุนแรง มีผลทำให้บล.ที่ประกอบธุรกิจปัจจุบันที่ยังหากจุดขายในการทำธุรกิจของตนไม่เจออาจจะหันมาเป็นดิสเค้า ซึ่งจะมีผลทำให้การพัฒนาตลาดทุนไทยมีการหยุดชะงัก
ทั้งนี้ปัจจุบันประเทศไทยยังไม่พร้อมที่จะมีดิสเคาท์โบรกเกอร์เพราะ ตลาดทุนไทยอยู่ในช่วงของการพัฒนา และ จำนวนนักลงทุนก็มีไม่มากถึงขั้นเปิดเสรีฯ เพราะปัจจุบันแม้ยังไม่มีดิสเคาท์โบรกเกอร์ในไทยการให้คำแนะนำในการลงทุนนั้นก็ยังไม่ดีพอ ดังนั้นจึงมองว่าการที่ผู้ประกอบการรายใหม่ไม่ว่าจะเป็นต่างชาติหรือในประเทศจะเข้ามาจะต้องมีการช่วยพัฒนาบุคคลากร นักลงทุน และอุตสาหกรรมให้มีการพัฒนาที่ดีมากขึ้น รองรับกับการเปิดเสรีอาเซียน
สำหรับส่วนตัวอยากให้ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฯมีการกำหนดคุณสมบัติของผู้ประกอบการรายใหม่ว่าหากเข้ามาทำธุรกิจหลักทรัพย์จะไม่มีการซื้อตัวบุคลากรในอุตสาหรรม เช่น เจ้าหน้าที่การตลาด(มาร์เกตติ้ง) เจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆฯลฯ และ ต้องมีหากเข้ามาประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ฯจะต้องมีเจ้าหน้าที่ปฎิบัติงานส่วนต่างๆจำนวนกี่คนเพื่อที่จะไม่ให้เกิดดิสเคาท์โบรกเกอร์เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตามการเปิดเสรีใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์แล้วนั้น แต่จากการที่ปัจจุบันที่ยังไม่มีรายใหม่เข้ามาจึงมองว่าหากมีการออกเกณฑ์เรื่องคุณสมบัติของผู้ประกอบการรายใหม่นั้นก็สามารถทำได้ โดยเรื่องนี้ทางสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ จะต้องเป็นหน่วยงานที่จะเข้าไปหารือกับทางก.ล.ต.
นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และในฐานะยกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ กล่าวว่า ทางสมาคมโบรกเกอร์จะมีการเรียกประชุมสมาชิกเพื่อรับความฟังความคิดเห็นว่าสมาชิกมีความเห็นอย่างไรในเรื่องเปิดเสรีใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ และ เรื่องอื่นๆ เพื่อรวบรวมเป็นความเห็นของทางสมาคมโบรกเกอร์ ที่จะนำไปเสนอต่อก.ล.ต.ให้มีการพิจารณา แต่จะไม่ถึงขั้นที่จะขอให้ก.ล.ต.ไม่เปิดเสรีใบอนุญาต
โดยทางสมาคมโบรกเกอร์ไม่ได้กังวลในเรื่องการแข่งขัน เพราะ ปัจจุบันมีการแข่งขันกันอยู่แล้ว และ จำนวนของโบรกเกอร์ปัจจุบันมีอยู่จำนวนมาก โดยเป็นโบรกเกอร์ต่างประเทศ 50% และในประเทศ 50% ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่าการเปิดเสรีใบอนุญาตเชื่อยังไม่โบรกเกอร์ต่างประเทศเข้ามาทำธุรกิจเพิ่มเพราะปัจจุบันมีโบรกเกอร์ต่างประเทศเข้ามาทำธุรกิจในไทยแล้วจำนวนมาก แต่ที่มีความกังวลคือในเรื่องรายใหม่เข้ามาแล้วตัดราคาทำให้อุตสาหกรรมหลักทรัพย์เสียหาย
“จากที่มีข่าวว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่ กิตติรัตน์ ณ ระนอง มีแนวคิดที่ทบทวนเรื่องการเปิดเสรีค่าธรรมเนียมการซื้อขาย (ค่าคอมมิชชั่น) ที่เปิดเสรีเต็มรูปแบบตั้งแต่ 1 มกราคม 2555แล้วนั้น ทางสมาคมฯก็จะมีการพิจารณาว่าจะมีการดำเนินการอย่างไรในเรื่องดังกล่าว ซึ่งเราก็ไม่อยากให้มีการเดินถอยหลัง แต่ต้องดูว่าจะดำเนินการอย่างไรให้เข้ากับยุคสมัยและดีต่อตลาดทุนในอนาคต โดยอย่าคิดว่าการลดค่าคอมมิชชั่นแล้วจะทำให้ตลาดทุนไทยโตได้ ซึ่งเราจะมีการหารือกับสมาชิกในเรื่องการเปิดเสรีค่าคอมฯและใบอนุญาต”นางภัทธีรา กล่าว
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า จากการเปิดเสรีใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ ในปีนี้ ส่วนตัวมีความกังวลหากเปิดให้มีผู้ประกอบการรายใหม่เข้ามาจะมีการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์แบบต้นทุนต่ำ (ดิสเคาท์โบรกเกอร์) ทำให้มีการแข่งขันด้านราคารุนแรง มีผลทำให้บล.ที่ประกอบธุรกิจปัจจุบันที่ยังหากจุดขายในการทำธุรกิจของตนไม่เจออาจจะหันมาเป็นดิสเค้า ซึ่งจะมีผลทำให้การพัฒนาตลาดทุนไทยมีการหยุดชะงัก
ทั้งนี้ปัจจุบันประเทศไทยยังไม่พร้อมที่จะมีดิสเคาท์โบรกเกอร์เพราะ ตลาดทุนไทยอยู่ในช่วงของการพัฒนา และ จำนวนนักลงทุนก็มีไม่มากถึงขั้นเปิดเสรีฯ เพราะปัจจุบันแม้ยังไม่มีดิสเคาท์โบรกเกอร์ในไทยการให้คำแนะนำในการลงทุนนั้นก็ยังไม่ดีพอ ดังนั้นจึงมองว่าการที่ผู้ประกอบการรายใหม่ไม่ว่าจะเป็นต่างชาติหรือในประเทศจะเข้ามาจะต้องมีการช่วยพัฒนาบุคคลากร นักลงทุน และอุตสาหกรรมให้มีการพัฒนาที่ดีมากขึ้น รองรับกับการเปิดเสรีอาเซียน
สำหรับส่วนตัวอยากให้ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฯมีการกำหนดคุณสมบัติของผู้ประกอบการรายใหม่ว่าหากเข้ามาทำธุรกิจหลักทรัพย์จะไม่มีการซื้อตัวบุคลากรในอุตสาหรรม เช่น เจ้าหน้าที่การตลาด(มาร์เกตติ้ง) เจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆฯลฯ และ ต้องมีหากเข้ามาประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ฯจะต้องมีเจ้าหน้าที่ปฎิบัติงานส่วนต่างๆจำนวนกี่คนเพื่อที่จะไม่ให้เกิดดิสเคาท์โบรกเกอร์เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตามการเปิดเสรีใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์แล้วนั้น แต่จากการที่ปัจจุบันที่ยังไม่มีรายใหม่เข้ามาจึงมองว่าหากมีการออกเกณฑ์เรื่องคุณสมบัติของผู้ประกอบการรายใหม่นั้นก็สามารถทำได้ โดยเรื่องนี้ทางสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ จะต้องเป็นหน่วยงานที่จะเข้าไปหารือกับทางก.ล.ต.
นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และในฐานะยกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ กล่าวว่า ทางสมาคมโบรกเกอร์จะมีการเรียกประชุมสมาชิกเพื่อรับความฟังความคิดเห็นว่าสมาชิกมีความเห็นอย่างไรในเรื่องเปิดเสรีใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ และ เรื่องอื่นๆ เพื่อรวบรวมเป็นความเห็นของทางสมาคมโบรกเกอร์ ที่จะนำไปเสนอต่อก.ล.ต.ให้มีการพิจารณา แต่จะไม่ถึงขั้นที่จะขอให้ก.ล.ต.ไม่เปิดเสรีใบอนุญาต
โดยทางสมาคมโบรกเกอร์ไม่ได้กังวลในเรื่องการแข่งขัน เพราะ ปัจจุบันมีการแข่งขันกันอยู่แล้ว และ จำนวนของโบรกเกอร์ปัจจุบันมีอยู่จำนวนมาก โดยเป็นโบรกเกอร์ต่างประเทศ 50% และในประเทศ 50% ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่าการเปิดเสรีใบอนุญาตเชื่อยังไม่โบรกเกอร์ต่างประเทศเข้ามาทำธุรกิจเพิ่มเพราะปัจจุบันมีโบรกเกอร์ต่างประเทศเข้ามาทำธุรกิจในไทยแล้วจำนวนมาก แต่ที่มีความกังวลคือในเรื่องรายใหม่เข้ามาแล้วตัดราคาทำให้อุตสาหกรรมหลักทรัพย์เสียหาย
“จากที่มีข่าวว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่ กิตติรัตน์ ณ ระนอง มีแนวคิดที่ทบทวนเรื่องการเปิดเสรีค่าธรรมเนียมการซื้อขาย (ค่าคอมมิชชั่น) ที่เปิดเสรีเต็มรูปแบบตั้งแต่ 1 มกราคม 2555แล้วนั้น ทางสมาคมฯก็จะมีการพิจารณาว่าจะมีการดำเนินการอย่างไรในเรื่องดังกล่าว ซึ่งเราก็ไม่อยากให้มีการเดินถอยหลัง แต่ต้องดูว่าจะดำเนินการอย่างไรให้เข้ากับยุคสมัยและดีต่อตลาดทุนในอนาคต โดยอย่าคิดว่าการลดค่าคอมมิชชั่นแล้วจะทำให้ตลาดทุนไทยโตได้ ซึ่งเราจะมีการหารือกับสมาชิกในเรื่องการเปิดเสรีค่าคอมฯและใบอนุญาต”นางภัทธีรา กล่าว
