xs
xsm
sm
md
lg

LH เบรกลงทุนโซนน้ำท่วม พร้อมขอดูตลาดอีก 6 เดือนฟื้นหรือไม่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน -แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เผยน้ำท่วมทำเลื่อนเปิด 5 โครงการ พร้อมชะลอแผนลงทุนทำเลน้ำท่วม ขอดูสถานการณ์ 6 เดือน หลังยอดลูกค้าแวะชมไซด์ลดวูบเหลือแค่ 30% ปี 55 ตั้งเป้าเปิด 16 โครงการมูลค่า 32,620 ล้านบาท ยอดขาย 2.2 หมื่นล้านบาทโต 14.6%

นายนพร สุนทรจิตต์เจริญ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน)หรือ (LH) เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาส 4 ที่เกิดเหตุน้ำท่วมใหญ่ส่งผลให้แผนการเปิดโครงการใหม่ของบริษัทในช่วงดังกล่าวต้องเลื่อนออกไปถึง 5 โครงการ ในจำนวนนี้เป็นคอนโดมิเนียม 2 โครงการ ส่วนที่เหลือเป็นโครงการแนวราบ ซึ่งบางส่วนจะมาเปิดในปีนี้ ส่วนโครงการที่อยู่ในทำเลน้ำท่วมในช่วงที่ผ่านมาอาจต้องชะลอแผนการลงทุนออกไปก่อน

“โครงการที่คิดว่าจะเปิดใหม่เพื่อทดแทนโครงการที่ขายหมดไป โดยเฉพาะในโซนตะวันตก อาจต้องชะลอออกไปอีกประมาณ 6 เดือน เพื่อดูสถานการณ์ตลาดขณะที่โครงการของบริษัทที่อยู่ระหว่างการขายได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม 5 โครงการ ส่วนโครงการที่ปิดการขายและโครงการที่จัดตั้งนิติบุคคลแล้วจำนวน 20 โครงการ โดยบริษัทได้ใช้เม็ดเงินในการป้องกันน้ำท่วม ประมาณ 200 ล้านบาท ในจำนวนดังกล่าวไม่นับค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมบ้านของบริษัท ”

นายนพร กล่าวต่อว่า จากการชะลอเปิดโครงการใหม่ในช่วงไตรมาส 4 ส่งผลให้ปี 54 บริษัทเปิดโครงการใหม่เพียง 16 โครงการ มูลค่ารวม 24,430 ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 13 โครงการและทาวน์เฮาส์ 3 โครงการ ในจำนวนดังกล่าวเป็นการพัฒนาในต่างจังหวัด 4 โครงการ จากแผนเดิมที่จะเปิด 18 สำหรับในปี 55 นี้บริษัทวางแผนเปิดโครงการใหม่ 16 โครงการ มูลค่ารวม 32,620 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการในต่างจังหวัด 4 โครงการ และกรุงเทพฯ ปริมณฑล 12 โครงการ ซึ่งปีนี้บริษัทจะเน้นเปิดคอนโดมิเนียมมากถึง 6 โครงการ ราคาขายเฉลี่ย 4.78 ล้านบาทต่อยูนิต

ด้านนายอดิศร ธนนันท์นราพูล รองกรรมการผู้จัดการ กล่าวว่า บริษัทคาดว่ารายได้และกำไรสุทธิในปี 55 จะเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลักจากปีก่อน ตามการเติบโตของธุรกิจหลัก คือการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขาย ธุรกิจให้เช่าที่มีการรับรู้รายได้จากโครงการเทอร์มินอล 21 รวมทั้งส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทย่อยเติบโตได้ดี ประกอบกับรับผลดีมาตรการลดภาษีเงินได้นิติบุคคล พร้อมทั้งมีแผนปรับขึ้นราคาบ้านราว 3-5% ตามต้นทุนที่สูงขึ้น

ขณะที่บริษัทตั้งเป้ายอดขายปี 55 จำนวน 22,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.6% จากยอดขายในปี 54 ที่ 19,185 ล้านบาท ส่วนยอดรับรู้รายได้จากการขายบ้านและคอนโดมิเนียมในปีนี้คาดว่าจะเติบโตราว 8% จากปีก่อนที่โตเป็นตัวเลข 2 หลัก โดยปัจจุบันมียอดขายรอโอน (backlog) 4,600 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ปีนี้ประมาณ 4,000 ล้านบาท ส่วนรายได้จากธุรกิจให้เช่าพื้นที่ในปีนี้จะอยู่ที่ 1,590-1,600 ล้านบาท หรือเติบโต 100-150% จากปีก่อนที่มีรายได้ 637 ล้านบาท และยังมีส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทย่อยเข้ามาอีกที่ปีนี้คาดว่าจะเติบโต 30% มาที่ 1,100-1,300 ล้านบาท

ทั้งนี้ สัดส่วนกำไรปีนี้จะมาจากธุรกิจหลัก 70% และอีก 30% เป็นส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทย่อย แต่ที่สำคัญบริษัทจะได้รับประโยชน์จากการเสียภาษีนิติบุคคลเหลือ 23% จาก 30% ซึ่งภาษีที่ลดลงไป 7% ส่วนกำไรสุทธิในปี 54 คาดว่าจะโตกว่าปี 53 เป็นตัวเลข 2 หลัก เนื่องจากไตรมาส 4/54 บันทึกกำไรจากการขายเงินลงทุนในอินโดนีเซียเข้ามาทันที 378 ล้านบาท ปี 54 มีรายจ่ายด้านการลงทุนเกือบ 10,000 ล้านบาทถือเป็นจำนวนที่ค่อนข้างสูง แบ่งเป็นซื้อที่ดิน 5,120 ล้านบาท การเพิ่มทุนธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เพื่อรายย่อย (LHBANK) 1,800 ล้านบาท และลงทุนโครงการเทอร์มินอล 21 อีก 2,400 ล้านบาท

สำหรับในปี 55 บริษัทคาดว่าจะใช้เม็ดเงินลงทุนซื้อที่ดินจำนวน 5,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายตัวในอนาคตทำเล กรุงเทพและปริมณฑล โดยจะพิจารณาซื้อที่ดินในทำเลที่สามารถพัฒนาโครงการได้ทันที และมีแผนซื้อที่ดินต่างจังหวัดเพิ่มในภาคเหนือและอีสาน 2-3 จังหวัด เช่น อุดรธานี ขอนแก่น และกำลังศึกษาตลาดเชียงราย นอกจากนี้ ยังมีงบลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า จำนวน 880 ล้านบาท

ส่วนการยื่นประมูลพัฒนาที่ดินบริเวณสามย่าน ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คาดว่าจะสามารถประกาศผลผู้ชนะประมูลได้ภายใน 1-2 เดือนนี้ โอกาสชนะประมูล 50% โดยบริษัทได้ยื่นแผนการพัฒนาโครงการดังกล่าวเป็นแบบผสมผสานหรือมิกซ์ยูส เช่น โรงแรม อพาร์ทเม้นท์ คอนโดมิเนียม คอนเวนชั่นฮอล์ คาดว่าจะมีมูลค่าโครงการประมาณ 10,000 ล้านบาท รวมค่าก่อสร้างและที่ดิน

สำหรับเม็ดเงินในการลงทุน ปีนี้บริษัทมีแผนระดมทุนผ่านหุ้นกู้จำนวน 6,000 ล้านบาท โดยจะออกหุ้นกู้ล็อตแรกในไตรมาส 1/55 จำนวน 3,000 - 4,000 ล้านบาท และในไตรมาส 3/55 อีก 2,000 ล้านบาท ทั้งนี้ คาดว่าระดับหนี้สินต่อทุน(D/E)สิ้นปี 55 จะลดลงจากปี 54 พร้อมกันนั้น บริษัทคาดว่าจะนำเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ 3 แห่ง มูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท ขายเป็นสินทรัพย์ของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ในครึ่งปีแรก

นายอดิศร กล่าวอีกว่า ในปี 55 คาดว่าจะเห็นการปรับราคาขายบ้านขึ้น 3-5% ตามต้นทุนก่อสร้างที่ปรับตัวสูงขึ้นมาราว 8-10% ซึ่งการปรับราคาขายได้น้อยกว่าต้นทุนที่ขึ้นมา อาจจะส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลงไป 1% ในปี 55 จากปี 54 ที่อยู่ที่กว่า 32% แต่บริษัทจะไปได้ในส่วนชดเชยภาษีแทน
กำลังโหลดความคิดเห็น