xs
xsm
sm
md
lg

ชง “วายุภักษ์” พยุงหุ้นสู้วิกฤต จี้รัฐบาล “ปู” ห่วงชาติก่อนเร่งประชานิยม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สภาธุรกิจตลาดทุนไทย ประเมินสถานการณ์ตลาดหุ้นทั่วโลก รวมทั้งไทย ยังผันผวนแรงต่อไป จนกว่ามาตการแก้วิกฤตหนี้ยูโรโซนแบบเบ็ดเสร็จจะชัดเจน ล่าสุด ชงนโยบายเร่งด่วน 7 ข้อ ให้รัฐบาล “ปู” พาชาติรอดจากวิกฤตแทนเร่งทำประชานิยม ชงตั้ง “กองทุนวายุภักษ์” เข้าเก็บซื้อหุ้นพื้นฐานดี และเสนอ ธปท.เบรกขึ้นดอกเบี้ย ลดความผันผวนในตลาดทุน สอนมวยรัฐ ใช้วิกฤตยุโรปเป็นบทเรียนเตือนใจ รักษาวินัยทางการคลังอย่างเคร่งครัด

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกจะยังคงผันผวนรุนแรงต่อไป จนกว่าทางการของประเทศในกลุ่มยุโรปจะมีการออกแก้ไขปัญหาวิกฤตหนี้สาธารณะในกลุ่มยูโรโซนแบบเบ็ดเสร็จ ที่จะทำให้ปัญาดังกล่าวจบลงได้ แต่หากยังคงออกมาตรการเฉพาะหน้าอีก ก็มีโอกาสที่จะวิกฤตหนี้สาธารณะในกลุ่มยุโรป ครั้งนี้จะบานปลายเป็นวิกฤตการเงินโลกรอบสองได้ ซึ่งจะทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกรวมถึงตลาดหุ้นไทยจะถูกนักลงทุนมีการเทขายหุ้นออกมาอย่างรุนแรงต่อไปอีก

ทั้งนี้ สิ่งแรกที่จะต้องมีการทำ คือ แยกประเทศที่ประสบปัญหาสภาพคล่อง เช่น สเปน และอิตาลี ออกจากประเทศที่อยู่ในสถานะล้มละลาย เช่น กรีซ ให้ชัดเจน และประกาศให้การสนับสนุนด้านสภาพคล่องอย่างเต็มที่กับทุกประเทศในกลุ่มแรก เพื่อสร้าง Fire Wall ระหว่างประเทศที่มีโอกาสที่จะล้มละลาย กับประเทศที่ไม่จำเป็นต้องประกาศล้มละลาย จากนั้นก็จะทำการ Stress Test แบบเต็มรูปกับธนาคารพาณิชย์ในยูโรโซนอีกรอบ โดยใช้สมมติฐานว่าจะเกิด Sovereign Debt Default และหาทางเพิ่มทุนให้กับธนาคารที่อ่อนแอ และสุดท้ายก็จะยอมให้ประเทศที่อยู่ในสถานะล้มละลายทำการ Default หนี้ และปรับโครงสร้างหนี้เพื่อให้เดินหน้าต่อไปได้

นอกจากนี้ ทางสหรัฐฯเอง ก็ต้องเร่งผ่านมาตรการลดการว่างงานที่เสนอโดยประธานาธิบดี โอบามา ให้เร็วที่สุด เพื่อให้เศรษฐกิจสหรัฐฯกลับเข้าสู่ขาขึ้นให้ได้ส่วนประเทศในกลุ่มเศรษฐกิจเกิดใหม่อย่าง BRICs ก็ต้องหันกลับมาเน้นการกระตุ้นเศรษฐกิจแทนการชะลอความร้อนแรงเพื่อช่วยประคับประคองเศรษฐกิจโลก ไม่ให้ชะลอตัวลงมากจนเกินไป และสำหรับประเทศที่มีเงินกองทุนความมั่งคั่งของประเทศ (Sovereign WealthFunds) ในปริมาณที่สูง ก็ควรต้องสนับสนุนการเพิ่มทุนให้กับธนาคารในกลุ่มยูโรโซนที่มีระดับเงินกองทุนที่ต่ำ

อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์พัฒนาไปในรูปแบบข้างต้นนี้ โอกาสที่จะได้เห็นตลาดทุนโลกกลับสู่ขาขึ้นอีกครั้งก็มีอยู่สูงโดยเฉพาะตลาดทุนไทยที่ยังมีความโดดเด่นทั้งในแง่ของพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่มั่นคง ระดับหนี้ภาครัฐและเอกชนที่ยังต่ำแนวโน้มกำไรบริษัทจดทะเบียนที่ยังเติบโตได้ดี อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สูงและระดับราคาหุ้นที่ยังคงต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐานอยู่พอสมควร แต่ไม่ว่าวิธีการแก้ไขปัญหาจะออกมาในรูปแบบไหนสิ่งที่ชัดเจน ก็คือเศรษฐกิจโลกเริ่มมีสัญญาณการชะลอตัวลงอย่างรุนแรงโดยเฉพาะเศรษฐกิจสหรัฐฯ และในกลุ่มยูโรโซนซึ่งมีโอกาสสูงที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอยรอบสอง เนื่องจากประเทศเหล่านี้ไม่สามารถที่จะออกมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจได้เต็มที่เหมือนเมื่อปี 2008

นายไพบูลย์ กล่าวว่า วิธีเดียวที่จะสามารถเรียกความเชื่อมั่นในตลาดหุ้นกลับมาได้นั้น และป้องกันไม่ให้วิกฤตรอบนี้ขยายวงกว้างออกไป คือ จะต้องมีการร่วมมือกันของนานาประเทศ ไม่เพียงเฉพาะแต่ 3 องค์กรหลัก ของยุโรป หรือประเทศขยายใหญ่ในยุโรป แต่จะต้องรวมไปถึงสหรัฐฯและประเทศที่สำคัญในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ที่ยังมีการขยายตัวเศรษฐกิจที่ดี เหมือนกับปี 2551 ที่หลายๆประเทศได้ร่วมมืออัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ตลาดเงินพร้อมกัน รวมถึงออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและเพิ่มทุนให้กับธนาคารพาณิชย์ที่อ่อนแอ

ทั้งนี้ จากภาวะเศรษฐกิจโลกที่กำลังเผชิญกับความเสี่ยงขาลงครั้งใหญ่และภาวะตลาดทุนโลกที่เต็มไปด้วยความผันผวนและแรงเทขายสภาธุรกิจตลาดทุนไทย มีความเป็นห่วงต่อผลกระทบที่มีต่อประเทศไทยจึงมีข้อเสนอแนะ 7 ข้อ ต่อรัฐบาลไทย เพื่อช่วยเร่งสร้างภูมิคุ้มกันและสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยและตลาดทุนไทยสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนและมีเสถียรภาพ ดังนี้ 1.รัฐบาลควรทบทวนนโยบายเกี่ยวกับประชานิยม เช่น กองทุนหมู่บ้าน ฯลฯ ที่ได้ประกาศไปในช่วงก่อนการเลือกตั้ง และให้มีการปรับปรุงหรือเรียงลำดับความสำคัญใหม่เพื่อให้สามารถรองรับกับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกที่อาจกระทบมาถึงประเทศไทยโดยรัฐบาลอาจจำเป็นต้องเก็บงบประมาณบางส่วนเพื่อใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจหากเกิดวิกฤตเศรษฐกิจรอบสองเพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่น และลดความสับสนรัฐบาลสามารถประกาศแผนการและนโยบายที่ชัดเจนต่อสาธารณะ

ข้อ 2.เสนอให้การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไปซึ่งน่าจะเป็นแนวทางที่ส่งผลกระทบในแง่ลบต่อผู้ประกอบการ และผู้ใช้แรงงานน้อยที่สุด เพราะ การชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลกย่อมส่งผลต่อภาคการส่งออกไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งอาจทำให้ผู้ประกอบการอาจเลือกลดต้นทุนการผลิตด้วยการปลดแรงงาน

ข้อ 3.รัฐบาลเร่งรัดการดำเนินนโยบายการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนรวมทั้งจะเป็นการกระตุ้นให้เกิดการลงทุนจากเอกชนและยังเป็นการเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนต่างประเทศ

ข้อ 4.สนับสนุนนโยบายลดภาษีนิติบุคคลจาก 30% เป็น 20%ซึ่งเป็นอีกนโยบายหนึ่งที่จะช่วยลดภาระต้นทุนให้กับผู้ประกอบการและบริษัทต่างๆได้ รวมทั้งจะเป็นการเพิ่มความสามารถในการแข็งขันให้กับเศรษฐกิจไทยเพื่อรองรับ ASEAN Economic Community (AEC) โดยรัฐบาลควรที่จะมีการประกาศยืนยันอีกครั้ง

ข้อ 5.เสนอให้รัฐบาลจัดตั้งกองทุนลักษณะวายุภักษ์ หรือจะเป็นการขยายกองวายุภักดิ์เดิมก็ได้ โดยเงินกองทุนส่วนหนึ่งมากจากการที่รัฐบาลลดสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทรับวิสาหกิจลงมาให้ต่ำกว่าครึ่งหนึ่ง และอีกส่วนหนึ่งมาจากการระดมทุนจากประชาชนทั่วไป เพื่อนำเงินไปลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดี จากที่นักลงทุนต่างประเทมีการขายหุ้นไทยออกมาเพื่อปรับพอร์ตการลงทุนในหุ้นไทยทำให้ราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐาน

ข้อ 6.ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ควรทบทวนนโยบายทางการเงิน ชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปก่อนจนกว่าสถานการณ์และทิศทางเศรษฐกิจโลกมีความชัดเจนมากขึ้น ก็น่าที่จะช่วยลดความผันผวนในตลาดทุนได้ และ ข้อ 7.ภาวะเศรษฐกิจซบเซาในยุโรป อันเนื่องมาจากปัญหาวิกฤติหนี้สาธารณะน่าจะเป็นบทเรียนและข้อเตือนใจในการดำเนินนโยบายทางการคลังของรัฐบาลในประเทศต่างๆ ได้เป็นอย่างดี สภาหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารัฐบาลจะรักษาวินัยทางการคลังอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันไม่ให้การขาดดุลการคลังและหนี้สาธารณะเพิ่มมากหรือเร็วจนเกินไป
กำลังโหลดความคิดเห็น