ปธ.แบงก์กรุงเทพ หวั่นภาวะ ศก.ไทย ซ้ำรอย สหรัฐ-ยุโรป ฝากเตือน รบ.ปู อย่าหลงทางกระตุ้นการบริโภคเพลิน จนทำให้ ปชช. ลืมวินัยการคลัง ห่วงภาคเงินออมหดตัว แนะเดินหน้าเมกะโปรเจกต์ตามที่หาเสียงเอาไว้
นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตนเองรู้สึกกังวลต่อนโยบายรัฐบาลที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการบริโภคภายในประเทศ ภายใต้งบประมาณการคลังที่ขาดดุล 3.5 แสนล้านบาท รวมถึงนโยบายสินเชื่อผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ เพราะอาจส่งผลกระทบต่อวินัยการคลังประเทศ และต่อการออมของประชาชนที่ปัจจุบันได้ปรับตัวลดลงอย่างมาก เหลือเพียง 15% ของอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจ (จีดีพี) จาก 25% เมื่อปี 2540
ขณะเดียวกันความต้องการบริโภคยังส่งผลให้สินเชื่อขยายตัวมากขึ้น ซึ่งอาจจะทำให้การแข่งขันชิงเงินฝากของระบบสถาบันการเงินมีความรุนแรงขึ้น ทั้งนี้ นโยบายดังกล่าวใช้ได้ในระยะสั้นๆ แต่หากทำระยะยาว อาจทำให้เกิดปัญหาเศรษฐกิจไม่ต่างจากสหรัฐอเมริกาและกลุ่มยุโรปในขณะนี้
นายโฆสิต กล่าวว่า แทนที่รัฐบาลจะเร่งการกระตุ้นการบริโภค น่าจะไปเร่งเดินหน้าโครงการลงทุนขนาดใหญ่ตามที่ได้หาเสียงไว้ เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศ ก่อนเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 รวมถึงจะก่อให้เกิดการจ้างงาน และการลงทุนของภาคเอกชน ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจมากกว่า
“เราเห็นประสบการณ์จากต่างประเทศแล้ว ถ้าทำแบบนี้ไปนานๆ มันก็เป็นเรื่องยากที่จะไม่ได้รับผลกระทบ เศรษฐกิจไทยตอนนี้เข้มแข็งระดับหนึ่ง ก็สามารถกระตุ้นใช้จ่ายในประเทศได้แค่ระยะสั้น แต่ถ้าใช้นโยบายรัฐนานๆ มันก็อันตราย” นายโฆสิตกล่าว
สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2554 มองว่า น่าจะขยายตัว 3.6% ชะลอจากเดิมที่คาดว่าจะโตได้ 4% เนื่องจากผลกระทบภัยพิบัติในญี่ปุ่น ส่วนปี 2555 น่าจะกลับมาโตได้ที่ 4% อีกครั้ง โดยการบริโภคจะเป็นแรงผลักดันสำคัญ เนื่องจากการส่งออกจะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจสหรัฐและยุโรปที่ชะลอตัว
