บลจ. เกียรตินาคิน คงเป้าดัชนีหุ้นไทย ที่กรอบเดิม 1,165 - 1,200 จุด เชื่อยังได้ปัจจัยในประเทศหนุน แม้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว ล่าสุด ส่ง "เคเค แอ็กทิฟ อิควิตี้ ฟันด์" ลุยเก็บหุ้นไทย เน้นบริหารพอร์ตแบบเชิงรุก ขายไอพีโอถึง 21 กันยายนนี้
นายศุภกร สุนทรกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เกียรตินาคิน จำกัด หรือ KKFund เปิดเผยว่า KKFund ยังคงมองเป้า SET สำหรับปีนี้ตามเดิมที่ 1,165 - 1,200 จุด และคาดการณ์อัตราการเติบโตของกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนสำหรับปีหน้าที่ 15% ถึงแม้ดัชนีจะผันผวนและอ่อนตัวลงมาในช่วงสัปดาห์นี้ โดยหลุดแนวต้านสำคัญที่ 1,040 จุด แต่ก็เริ่มดีดตัวกลับขึ้นมา โดยมองว่าปัจจัยภายในประเทศยังคงแข็งแกร่ง การเติบโตของกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนยังอยู่ในระดับสูงกอบกับปัจจัยทางด้านนโยบายจากรัฐบาลที่เริ่มประกาศออกมาเกื้อหนุนศักยภาพทางเศรษฐกิจ และกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ ซึ่งส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจในปีนี้ของไทยจะยังคงสดใสอยู่
อย่างไรก็ตาม ภาวะเศรษฐกิจโลกยังเป็นสิ่งที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษ โดย KKFund มองว่าเศรษฐกิจโลกยังคงมีการเติบโตแม้จะชะลอตัวลงจากเดิม ปัญหาด้านการชะลอการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาที่น่าจะมีการทยอยออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ แต่อาจต้องใช้เวลาในการผ่านมติต่างๆ รวมถึงวิกฤติหนี้สาธารณะในยุโรปที่อาจจะมีความยืดเยื้อยาวนานกว่าฝั่งสหรัฐ แต่ยังคงเชื่อมั่นว่าวิกฤตการณ์ดังกล่าวจะไม่ฉุดภาพรวมเศรษฐกิจโลกให้ถึงจุดต่ำสุด โดยทีมผู้จัดการกองทุน KKFund ได้ติดตาม และเฝ้าระวังปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวเพื่อประเมินสถานการณ์อยู่เสมอ
นายศุภกร กล่าวต่อว่า KKFund ได้จับจังหวะในช่วงดัชนี SET ปรับตัวลงจัดตั้งกองทุนเปิดเคเค แอ็กทิฟ อิควิตี้ ฟันด์ (KK Act EQ) เป็นกองทุนเปิดซึ่งเน้นการบริหารพอร์ตแบบเชิงรุก มีนโยบายลงทุนในตราสารแห่งทุนไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 รวมถึงมีนโยบายจ่ายเงินปันปีละไม่เกิน 4 ครั้ง โดยเปิดเสนอขายครั้งแรก 15-21 กันยายน 2554 สำหรับท่านนักลงทุนที่สนใจเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุนในช่วงที่ราคาหุ้นยังอยู่ในระดับที่น่าสนใจ
นอกจากนี้ บลจ. เกียรตินาคิน ในฐานะบริษัทจัดการกองทุนเปิดเคเค หุ้นระยะยาวปันผล (KK LTFD) ยังเตรียมจ่ายเงินปันผลของกองทุนเปิด KK LTFD จากกำไรสุทธิของผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 กันยายน 2553 ถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2554 โดยจ่ายเงินปันผลในอัตราหน่วยละ 0.35 บาท ทั้งนี้ บริษัทฯ กำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุนเพื่อสิทธิในการรับเงินปันผลในวันที่ 20 กันยายน 2554 และจะจ่ายเงินปันผลในวันที่ 3 ตุลาคม 2554 นี้ ทั้งนี้ บริษัทฯ จะหยุดทำการขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุนในวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุนดังกล่าว โดยบริษัทฯ จะเริ่มเปิดขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอีกครั้งในวันทำการถัดจากวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุน
นายศุภกร สุนทรกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เกียรตินาคิน จำกัด หรือ KKFund เปิดเผยว่า KKFund ยังคงมองเป้า SET สำหรับปีนี้ตามเดิมที่ 1,165 - 1,200 จุด และคาดการณ์อัตราการเติบโตของกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนสำหรับปีหน้าที่ 15% ถึงแม้ดัชนีจะผันผวนและอ่อนตัวลงมาในช่วงสัปดาห์นี้ โดยหลุดแนวต้านสำคัญที่ 1,040 จุด แต่ก็เริ่มดีดตัวกลับขึ้นมา โดยมองว่าปัจจัยภายในประเทศยังคงแข็งแกร่ง การเติบโตของกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนยังอยู่ในระดับสูงกอบกับปัจจัยทางด้านนโยบายจากรัฐบาลที่เริ่มประกาศออกมาเกื้อหนุนศักยภาพทางเศรษฐกิจ และกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ ซึ่งส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจในปีนี้ของไทยจะยังคงสดใสอยู่
อย่างไรก็ตาม ภาวะเศรษฐกิจโลกยังเป็นสิ่งที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษ โดย KKFund มองว่าเศรษฐกิจโลกยังคงมีการเติบโตแม้จะชะลอตัวลงจากเดิม ปัญหาด้านการชะลอการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาที่น่าจะมีการทยอยออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ แต่อาจต้องใช้เวลาในการผ่านมติต่างๆ รวมถึงวิกฤติหนี้สาธารณะในยุโรปที่อาจจะมีความยืดเยื้อยาวนานกว่าฝั่งสหรัฐ แต่ยังคงเชื่อมั่นว่าวิกฤตการณ์ดังกล่าวจะไม่ฉุดภาพรวมเศรษฐกิจโลกให้ถึงจุดต่ำสุด โดยทีมผู้จัดการกองทุน KKFund ได้ติดตาม และเฝ้าระวังปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวเพื่อประเมินสถานการณ์อยู่เสมอ
นายศุภกร กล่าวต่อว่า KKFund ได้จับจังหวะในช่วงดัชนี SET ปรับตัวลงจัดตั้งกองทุนเปิดเคเค แอ็กทิฟ อิควิตี้ ฟันด์ (KK Act EQ) เป็นกองทุนเปิดซึ่งเน้นการบริหารพอร์ตแบบเชิงรุก มีนโยบายลงทุนในตราสารแห่งทุนไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 รวมถึงมีนโยบายจ่ายเงินปันปีละไม่เกิน 4 ครั้ง โดยเปิดเสนอขายครั้งแรก 15-21 กันยายน 2554 สำหรับท่านนักลงทุนที่สนใจเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุนในช่วงที่ราคาหุ้นยังอยู่ในระดับที่น่าสนใจ
นอกจากนี้ บลจ. เกียรตินาคิน ในฐานะบริษัทจัดการกองทุนเปิดเคเค หุ้นระยะยาวปันผล (KK LTFD) ยังเตรียมจ่ายเงินปันผลของกองทุนเปิด KK LTFD จากกำไรสุทธิของผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 กันยายน 2553 ถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2554 โดยจ่ายเงินปันผลในอัตราหน่วยละ 0.35 บาท ทั้งนี้ บริษัทฯ กำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุนเพื่อสิทธิในการรับเงินปันผลในวันที่ 20 กันยายน 2554 และจะจ่ายเงินปันผลในวันที่ 3 ตุลาคม 2554 นี้ ทั้งนี้ บริษัทฯ จะหยุดทำการขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุนในวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุนดังกล่าว โดยบริษัทฯ จะเริ่มเปิดขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอีกครั้งในวันทำการถัดจากวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุน