ASTVผู้จัดการรายวัน - บลจ.เกียรตินาคิน จับจังหวะลุยหุ้นแดนมังกร ประเดิมส่ง "เคเค ไชน่า ทาร์เก็ต 10% #1" เก็บหุ้นรับสัญญาณปลดล็อคเอื้อเศรษฐกิจจีนฟื้นตัว เปิดขายไอพีโอถึง 5 กันยายนนี้ ตั้งเป้าผลตอบแทน 10%
นายศุภกร สุนทรกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เกียรตินาคิน จำกัด เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 30 สิงหาคม - 5 กันยายน 2554 นี้ บริษัทจะเสนอขายหน่วยลงทุนของกองทุนเปิดเคเค ไชน่า ทาร์เก็ต 10% #1 กองทุนทาร์เก็ตฟันด์ ที่มีมีนโยบายลงทุนในหลักทรัพย์จีน/ฮ่องกง โดยการลงทุนในตราสารแห่งทุน หน่วยลงทุนของกองทุนรวม (ETF) ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน ตราสารแห่งหนี้ และ/หรือเงินฝาก ตลอดจนหลักทรัพย์และทรัพย์สินอื่น ในต่างประเทศไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สิน และตั้งเป้าผลตอบแทนกองทุน 10%
ทั้งนี้ บลจ. เกียรตินาคิน มั่นใจว่า ทิศทางของเศรษฐกิจจีนจะฟื้นตัวไปในทิศทางที่ดี โดยสัญญาณตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของจีนมีแนวโน้มชะลอตัวลงในช่วงครึ่งหลังของปี จากการที่จีนเน้นดำเนินนโยบายทางการเงินที่รัดกุมในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงมาตรการเกื้อหนุนอื่นๆที่จะช่วยกระตุ้นอุปทานด้านอาหาร อาทิ การให้เงินลงทุน และเงินสนับสนุนในอุตสาหกรรมฟาร์มหมู เป็นต้น นอกจากนี้ ระดับราคาสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆในจีนที่เริ่มมีการปรับตัวลง และการปล่อยกู้ของสถาบันการเงินที่เริ่มชะลอตัวลงกว่า 30% จากเดิมที่มีการเติบโตอย่างร้อนแรงในช่วงปี 2009-2010 ที่ผ่านมา เคเคฟันด์ คาดว่า อัตราดอกเบี้ยของประเทศจีนน่าจะยังยืนอยู่ในระดับเดิม เพื่อลดความกังวลด้านเงินเฟ้อ ทำให้จีนมีศักยภาพที่จะเติบโตได้อย่างรวดเร็ว แสดงถึงการเริ่มฟื้นกลับของเศรษฐกิจจีนอย่างแข็งแกร่ง
นอกจากนี้ ประเทศจีนเองได้มีการเตรียมแผนเศรษฐกิจระดับชาติ “12th Five-Year Plan (2011-2015)” ซึ่งเป็นการวางกรอบการพัฒนาประเทศในหลายๆด้าน ทั้งการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ สวัสดิการภาคประชาชน รวมถึงมุ่งเน้นการเติบโตของรายได้เพื่อชนบทที่ 7% ต่อปี อีกทั้งยังมีแผนกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ ในการผลักดันในเศรษฐกิจของจีนมีการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง อาทิ การลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และการเพิ่มค่าแรงขั่นต่ำเพื่อสนับสนุนการเติบโตของภาคเศรษฐกิจอย่างแข็งแกร่ง
นายศุภกรกล่าวว่า ด้วยปัจจัยสนับสนุนดังกล่าว ประกอบกับความกังวลของนักลงทุนในช่วงที่ผ่านมา ที่ยังไม่ลดลงจากกรณีปัญหาหนี้ในยุโรปและภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา นักลงทุนจึงหันมาให้ความสนใจกับทวีปเอเชียมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศจีน ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มที่มีขนาดเศรษฐกิจประเทศหลักที่มีผลความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆต่อการขับเคลื่อนของเศรษฐกิจโลก KKFund จึงเล็งเห็นจังหวะเหมาะเข้าตะลุยแดนมังกรเพื่อคว้าโอกาสรับผลตอบแทน กับกอง KK China 10%#1
ทั้งนี้ กองทุนเปิด KK China 10%#1 จะเลิกโครงการเมื่อผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับผลตอบแทนไม่น้อยกว่า 10% จะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติในราคาของมูลค่าหน่วยลงทุน โดย KKFund จะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติในราคาหรือมูลค่าหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่า 11 บาท ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขที่ระบุได้ในหนังสือชี้ชวน และสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนไปยังกองทุนเปิดเคเค มันนี่มาร์เก็ต ฟันด์ (KK MM) เพื่อสนับสนุนการลงทุนอย่างต่อเนื่อง
นายศุภกร สุนทรกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เกียรตินาคิน จำกัด เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 30 สิงหาคม - 5 กันยายน 2554 นี้ บริษัทจะเสนอขายหน่วยลงทุนของกองทุนเปิดเคเค ไชน่า ทาร์เก็ต 10% #1 กองทุนทาร์เก็ตฟันด์ ที่มีมีนโยบายลงทุนในหลักทรัพย์จีน/ฮ่องกง โดยการลงทุนในตราสารแห่งทุน หน่วยลงทุนของกองทุนรวม (ETF) ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน ตราสารแห่งหนี้ และ/หรือเงินฝาก ตลอดจนหลักทรัพย์และทรัพย์สินอื่น ในต่างประเทศไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สิน และตั้งเป้าผลตอบแทนกองทุน 10%
ทั้งนี้ บลจ. เกียรตินาคิน มั่นใจว่า ทิศทางของเศรษฐกิจจีนจะฟื้นตัวไปในทิศทางที่ดี โดยสัญญาณตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของจีนมีแนวโน้มชะลอตัวลงในช่วงครึ่งหลังของปี จากการที่จีนเน้นดำเนินนโยบายทางการเงินที่รัดกุมในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงมาตรการเกื้อหนุนอื่นๆที่จะช่วยกระตุ้นอุปทานด้านอาหาร อาทิ การให้เงินลงทุน และเงินสนับสนุนในอุตสาหกรรมฟาร์มหมู เป็นต้น นอกจากนี้ ระดับราคาสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆในจีนที่เริ่มมีการปรับตัวลง และการปล่อยกู้ของสถาบันการเงินที่เริ่มชะลอตัวลงกว่า 30% จากเดิมที่มีการเติบโตอย่างร้อนแรงในช่วงปี 2009-2010 ที่ผ่านมา เคเคฟันด์ คาดว่า อัตราดอกเบี้ยของประเทศจีนน่าจะยังยืนอยู่ในระดับเดิม เพื่อลดความกังวลด้านเงินเฟ้อ ทำให้จีนมีศักยภาพที่จะเติบโตได้อย่างรวดเร็ว แสดงถึงการเริ่มฟื้นกลับของเศรษฐกิจจีนอย่างแข็งแกร่ง
นอกจากนี้ ประเทศจีนเองได้มีการเตรียมแผนเศรษฐกิจระดับชาติ “12th Five-Year Plan (2011-2015)” ซึ่งเป็นการวางกรอบการพัฒนาประเทศในหลายๆด้าน ทั้งการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ สวัสดิการภาคประชาชน รวมถึงมุ่งเน้นการเติบโตของรายได้เพื่อชนบทที่ 7% ต่อปี อีกทั้งยังมีแผนกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ ในการผลักดันในเศรษฐกิจของจีนมีการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง อาทิ การลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และการเพิ่มค่าแรงขั่นต่ำเพื่อสนับสนุนการเติบโตของภาคเศรษฐกิจอย่างแข็งแกร่ง
นายศุภกรกล่าวว่า ด้วยปัจจัยสนับสนุนดังกล่าว ประกอบกับความกังวลของนักลงทุนในช่วงที่ผ่านมา ที่ยังไม่ลดลงจากกรณีปัญหาหนี้ในยุโรปและภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา นักลงทุนจึงหันมาให้ความสนใจกับทวีปเอเชียมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศจีน ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มที่มีขนาดเศรษฐกิจประเทศหลักที่มีผลความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆต่อการขับเคลื่อนของเศรษฐกิจโลก KKFund จึงเล็งเห็นจังหวะเหมาะเข้าตะลุยแดนมังกรเพื่อคว้าโอกาสรับผลตอบแทน กับกอง KK China 10%#1
ทั้งนี้ กองทุนเปิด KK China 10%#1 จะเลิกโครงการเมื่อผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับผลตอบแทนไม่น้อยกว่า 10% จะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติในราคาของมูลค่าหน่วยลงทุน โดย KKFund จะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติในราคาหรือมูลค่าหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่า 11 บาท ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขที่ระบุได้ในหนังสือชี้ชวน และสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนไปยังกองทุนเปิดเคเค มันนี่มาร์เก็ต ฟันด์ (KK MM) เพื่อสนับสนุนการลงทุนอย่างต่อเนื่อง