xs
xsm
sm
md
lg

“พรานทะเล” ดึงพรีเมียร์ฯ รุกโชห่วยภูธร-ส่งพริตตี้ทัวร์กระตุ้นยอดขาย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“พรานทะเล” เปิดแผนครึ่งปีหลัง รุกหนักกลุ่มอาร์ทีอี แม้ตลาดแข่งขันรุนแรง ขณะที่กลุ่มฟู้ดคอร์ทเป็นดาวรุ่ง อัด 10 ล้านบาท ส่งพริตตี้ทัวร์กระตุ้นยอดขาย ผนึกพรีเมียร์ฯรุกโชห่วยทั่วประเทศ

นายอนุรัตน์ โค้วคาสัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายการตลาดและปฏิบัติการ บริษัท พรานทะเลมาร์เก็ตติ้ง จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็งแบรนด์ “พรานทะเล” และ “พรานไพร” กล่าวว่า แผนการดำเนินงานช่วงครึ่งหลังของปี 2554 จะรุกตลาดสินค้าอาหารพร้อมทานหรืออาร์ทีอี ( Ready to Eat/RTE) มากขึ้น ซึ่งเป็นตลาดที่มีโอกาสและศักยภาพในการเติบโตสูงมากแม้ว่าจะเป็นตลาดที่มีคู่แข่งจำนวนมากและการแข่งขันรุนแรงก็ตาม ส่วนตลาดอาหารพร้อมปรุงหรือ อาร์ทีซี (Ready to Cook/RTC ) นั้นพรานทะเลมีจุดแข็งอยู่แล้วและตลาดแข่งขันไม่รุนแรงเท่าไร

ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของพรานทะเลมาจาก 4 กลุ่มหลักคือ 1.อาหารทะเลแช่แข็งพร้อมปรุง สัดส่วนรายได้ 30% หรือประมาณ 360 ล้านบาท จากรายได้รวม สินค้าที่ขายดีคือ เนื้อปลา เนื้อกุ้งและทะเลรวม 2.อาหารทะเลแช่แข็งพร้อมรับประทาน หรือ RTE สัดสวน 30% มีเมนูยอดฮิตคือ ข้าวต้มลดโลกร้อน และข้าวผัดปู3. กลุ่มพรานทะเลซูชิ ซึ่งมี 3 กลุ่มย่อยคือ แพลตตินั่ม ระดับพรีเมี่ยม มี 19 จุดจำหน่าย , โกดล์ ระดับกลางม 68 จุดจำหน่ายทั่วประเทศ และ ฟิวชั่น เจาะระดับล่างตามย่านชุมชน มี 233 จุดจำหน่าย รวมมากกว่า 320 จุดจำหน่ายทั่วประเทศ4. กลุ่มฟู้ดคอร์ท ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีการเติบโตอย่างมากในช่วงปีที่ผ่านมา และมีสัดส่วนรายได้แล้ว 10% หรือมีรายได้ประมาณ 120 ล้านบาท

ปัจจุบันมีสาขาในฟู้ดคอร์ททั้งสิ้น 75 สาขาทั่วประเทศ และมีแผนที่จะขยายสาขาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องสำหรับผลประกอบการช่วงครึ่งปีแรกปี 2554 พรานทะเลมีรายได้รวม 620 ล้านบาท เกินเป้าหทายที่ตั้งไว้ 20 ล้านบาท จากที่ตั้งไว้ 600 ล้านบาท ซึ่งมาจากการที่บริษัทฯรุกทำการตลาดต่อเนื่องและมีการโรดโชว์ตลอดรวมทั้งมีเมนูใหม่เพิ่มสม่ำเสมอ

ทั้งนี้บริษัทฯมั่นใจว่าถึงสิ้นปีนี้บริษัทฯจะมีรายได้รวมประมาณ 1,200 ล้านบาทโดยบริษัทฯมีแผนที่จะจัดกิจกรรม “พรานทะเลพริตตี้ทัวร์” เพื่อทำโรดโชว์เข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายทั่วประเทศ ด้วยการใช้ทีมพริตตี้ ซึ่งมีทั้งหมด 8 ทีมแบ่งเป็นในกรุงเทพฯ 4 ทีม และต่างจังหวัด 4 ทีม กระจายไปยังสถานที่ต่างๆที่มีจุดจำหน่ายของพรานทะเลตามโมเดิร์นเทรดต่างๆ ซึ่งในต่างจังหวัดได้เริ่มแล้วที่ภาคเหนือก่อน ทั้งสระบุรี ลำปาง แพร่ เชียงรายเชียงใหม่ เป็นต้น โดยใช้งบรวม 10 ล้านบาท รวมทั้งมีแผนร่วมมือกับพันธมิตรคือ บริษัท พรีเมียร์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ในการรุกช่องทางจำหน่ายประเภท เทรดดิชันนัลเทรดหรือรานโชห่วยระดับรากหญ้าในต่างหวัดมากขึ้น ซึ่งพรีเมียรฯมีพนักงานช่องทางนี้มากกว่า 200 คนและมีจุดแข็งในการจัดจำหน่ายสินค้าสู่กลุ่มรากหญ้า โดยเตรียมงบลงทุนด้านตู้แช่ประมาณ 10 ล้านบาทต่อปี วางแผนเปิดให้ได้ประมาณ 50-100 จุดต่อเดือนในร้านเทรดดิชันนัลเทรดหรือร้านโชห่วย และมีเป้าหมายครบ 2,500 จุดภายใน 2 ปีจากนี้ เน้นจำหน่ายสินค้า RTE ที่มีราคาไม่แพง 29-39 บาท เช่น เมนูข้าวต้มลดโลกร้อน เป็นต้น คาดว่าทำยอดขายจากช่องทางนี้ได้อีก 50 ล้านบาทต่อปี

นอกจากนี้จะรุกตลาดสินค้าผักสดตัดแต่งมากขึ้น วางเป้าหมายรายได้ 10 ล้านบาทต่อปี “ตอนนี้พรานทะเลเริ่มมีกำไรขึ้นมาแล้ว 3-5% จากเดิมที่ผ่านมาเราลงทุนด้านการตลาดไปมาก อนาคตน่าจะถึง 10% เราต้องวางแผนให้ดี อันไหนที่ไม่ดีเราตัดออกหมด เช่น สมัยก่อนเคยทำเมนูเกี่ยวกับยำมีรายได้กว่า 84 ล้านบาทต่อปี แต่ตอนนี้เราเลิกเพราะต้นทุนสูงมาก ยอดขายดีแต่ไม่กำไร และยังมีเมนูเล็กๆอีกเช่น พวกแกงเขียวหวานต้นทุนก็สูงถึง 70 กว่าบาทต่อกล่อง แต่เราขายแค่ 50บาทต่อกล่อง เราเลิกทำแล้ว” นายอนุรัตน์กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น