ผู้ว่าการ ธปท.ห่วง 2 ปัจจัย เงินเฟ้อ-ศก.โลก กระทบ “จีดีพี” ของไทยปีนี้ พร้อมฉายภาพ การแก้ ศก.ยุโรป เหมือนการซื้อเวลา อาจทำให้เกิดแผลติดเชื้อลุกลาม ขณะที่การแก้ ศก.สหรัฐฯ ได้ใช้เครื่องมือจนหมดหน้าตักแล้ว อาจส่งผลให้ทุนตะวันตกไหลเข้าเอเชีย ส่งผลกระทบให้อัตราแลกเปลี่ยนผันผวนหนัก
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในงานสัมมนา “ทิศทางเศรษฐกิจหลังการเลือกตั้ง” โดยมองว่าหลังการเลือกตั้ง เศรษฐกิจครึ่งปีหลังน่าจะเติบโตใกล้เคียงกับครึ่งปีแรก และทั้งปีคาดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) จะขยายตัวได้ร้อยละ 4.1
นายประสาร กล่าวว่า ปัจจัยที่มีความเป็นห่วงในครึ่งปีหลัง คือ อัตราเงินเฟ้อยังมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ความไม่แน่นอนจากการฟื้นตัวเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา และยุโรป เพราะการแก้ปัญหาของยุโรปเหมือนเป็นการซื้อเวลา ทำให้มีความกังวลว่าปัญหาจะกระจายไปยังภูมิภาคอื่น ขณะที่เศรษฐกิจของสหรัฐฯ ได้นำมาตรการมาแก้ปัญหาเกือบหมดแล้ว จึงมองว่าไม่น่าจะมีเครื่องมืออื่นนำมาแก้ปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เพิ่มเติมจากที่ผ่านมา ทำให้กระแสเงินทุนในตะวันตกจะไหลมาในแถบเอเชียและไทยจนกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยน จึงเป็นสิ่งที่จะต้องจับตาอย่างใกล้ชิด
นอกจากนี้ ต้องติดตามนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล ว่า จะใช้เงินในการดำเนินนโยบายมากน้อยเพียงใด ทั้งการรับจำนำสินค้าเกษตร การลดค่าครองชีพ การปรับเพิ่มเงินเดือนราชการ การดูแลสวัสดิการสังคม แต่การสร้างระบบขนส่งทั้งรถไฟฟ้า ระบบราง จะเป็นผลดีในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม เป็นห่วงรายจ่ายงบประมาณประจำปี หากรัฐบาลใหม่ใช้เงินเพิ่มเติม อาจมีผลต่อภาระหนี้สาธารณะของประเทศ โดยควรลดน้ำหนักในการใช้นโยบายทางการคลัง เพื่อลดแรงกดดันต่ออัตราเงินเฟ้อ สำหรับการปรับเพิ่มค่าแรงงานขั้นต่ำ 300 บาทต่อเดือน ควรปรับแบบค่อยเป็นค่อยไปเพื่อให้เอกชนปรับตัว
นายวัลลภ เตียสิริ ผู้อำนวยการสถาบันยายยนต์ กล่าวว่า หลังจากเกิดคลื่นยักษ์ปัญหาสึนามิในญี่ปุ่น ช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2554 ทำให้ยอดการผลิตรถยนต์หายไปถึง 93,000 คัน แต่มองว่า ในช่วง 6 เดือนที่เหลือของปีนี้ ค่ายรถยนต์น่าจะกลับมาผลิตรถยนต์ได้เท่าเดิมตามเป้าหมายที่วางไว้ 1.8 ล้านคัน โดยขณะนี้ผู้ประกอบการได้นำชิ้นยานยนต์ เน้นผลิตสำหรับรถยนต์จำหน่ายในประเทศ ซึ่งกำลังเติบโตมากกว่าร้อยละ 20 ขณะที่การส่งออกยังติดลบร้อยละ 4 แต่ทั้งปีคาดว่าการส่งออกจะทำได้ประมาณ 900,000 คัน
สำหรับแนวโน้มการเติบโตของกลุ่มยานยนต์ในครึ่งปีหลัง หลังจากมีรัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศและการเมืองนิ่ง บวกกับพื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังแข็งแกร่ง จะทำให้ตลาดรถยนต์ขยายตัวได้ดี โดยเฉพาะหากรัฐบาลใหม่มุ่งเน้นการพัฒนาเส้นทางขนส่ง เมื่อมีเส้นทางสะดวกเป็นส่งหนึ่งเอื้อให้ตัดสินใจการซื้อรถยนต์ได้มากขึ้น