บลจ.ยูโอบี ชี้ เศรษฐกิจโลก ยังเจอปัญหาความไม่แน่นอนใน ศก.สหรัฐฯและยุโรป ชี้ หุ้น เอเชีย ตลาดเกิดใหม่ยังให้ผลตอบแทนดีแต่ราคาไม่ถูก แนะ ให้น้ำหนักหุ้นสหรัฐฯและยุโรป ซึ่งราคาถูกกว่า รวมถึง สินทรัพย์ประเภท ทองคำและสินค้าเกษตร ที่าน่าลงทุนในช่วงเศรษฐกิจฟื้นตัว
นายกรวุฒิ ลีนะบรรจง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ยูโอบี (ไทย) จำกัด กล่าวว่า เศราฐกิจโลกในขณะนี้ยังคงมีความกังวลจากปัจจัยเศรษฐกิของสหรัฐฯ ที่ภาคอุตสหกรรมการผลิตยังไม่สูงขึ้นรวมถึงปัญหาการว่างงานที่ยังสูงในระดับ 9% และความไม่มั่นใจต่อการเติบโตของเศรษฐกิจหลังจากที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหรือ QE2 จะสิ้นสุดในเดือนมิถุนายนนี้ ขณะที่ปัญหาวิกฤตประเทศกรีซ ที่ประทุขึ้นมาอีกนั้นส่งผลให้เศรษฐกิจคาดการณ์ได้ยากว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป
โดยภาพรวมตลาดหุ้นจะดูไปในทางไม่ดีหากมีปัจจัยเหล่านี้เกิดขึ้น คือ 1) ตัวเลขดัชนีคำสั่งซื้อของเพื่อผลิต (ISM) ของสหรัฐปรับตัวลงต่ำกว่าระดับ 50 แสดงว่าโอกาสที่เสรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวอย่างไม่ยั่งยืนมีสูงและดัชนีตัวนี้มีความสัมพันธ์กับตลาดหุ้น S&P500 ในทางเดียวกันด้วย 2) ราคาน้ำมันทะลุ 140 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาเรล จะกระทบต้นทุนของบริษัทและความสามารถในการใช้จ่ายและการทำกำไรของบริษัท 3) การเติบโตของเสรษฐกิจประเทศตลาดเกิดใหม่ไม่เป็นไปตามที่คาด 4) เงินเฟ้อสูงจากการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งจะตามมาด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่จะให้ผลไม่ต่างกับราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น 5) มาตรการ QE2 จบลงแล้วไม่มี QE3 6) อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี มากกว่า 5.0% และ 7) ดัชนีชี้วัดความผันผวนต่างๆ ปรับตัวสูงขึ้น เหล่านี้ถือเป็นสัญญาณในเชิงลบต่อตลาดหุ้นทั้งสิ้น
ทั้งนี้ การลงทุนในช่วงระยะนี้ สินทรัพย์ที่น่าสนใจยังเป็นสินทรัพย์ประเภท คอมมอดิตี้ และตราสารทุนที่ยังให้ผลตอบแทนที่ดีในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัว โดยคอมอดิตี้ทีน่าสนใจคือ พลังงาน ทองคำ สินค้าเกษตร ซึ่งยังเป็นที่ต้องการและคาดว่าจะให้ผลตอบแทนที่ดี จะเห็นได้ว่าในปีที่ผ่านมานั้น ทองคำและสินค้าเกษตร ราคาได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น
"ดังนั้นในช่วงระยะกลาง ถึงระยะยาว ทองคำยังให้ผลตอบแทนที่ดี แต่ยังต้องติดตามข่าวสารในเรื่องของความต้องการที่จะเพิ่มขึ้นซึ่งจะส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์"
นายกรวุฒิ กล่าว
ขณะที่สินทรัพย์ประเภทหุ้นนั้น ในปีที่ผ่านมากองทุนหุ้นที่ลงทุนในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ และในภูมิภาคเอเชียแฟซิฟิก ได้ให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าในประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างสหรัฐฯ และยุโรปเนื่องจาก ในเอเชียภาครัฐบาลและเอกชนไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจ โดยจะเห็นได้ว่าบริษัทจดทะเบียนต่างๆยังสามารถทำกำไรได้ อย่างไรก็ตามขณะนี้ราคาหุ้นของตลาดเกิดใหม่และเอเชียได้ปรับขึ้นมาในระดับที่ไม่ได้ถูกมาก ดังนั้น ในช่วงนี้นักลงทุนจึงมองไปที่ตลาดหุ้น สหรัฐฯ และยุโรปที่ราคาต่ำกว่ามาก ดังนั้นในช่วงนี้จึงให้น้ำหนักไปที่สหรัฐมากขึ้น แต่ยังต้องจับตาดูสถานการณ์เศรษฐกิจและตัวเลขต่างๆที่ออกมาด้วยเช่นกัน
ด้านเศรษฐกิจจีน อัตราเงินเฟ้ที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้รัฐบาลต้องออกมาตรการควบคุมโดนใช้มาตรการทางการคลังและการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเศรษฐกิจทึ่เติบโตแรงเกินไป ขณะเดียวกันก็ยังมีความกังวลในเรื่องของฟองสบู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์ ทำให้นักลงทุนเกิดความไม่มั่นใจ อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นจีนยังเป็นตลาดที่น่สนใจลงทุนแต่ไม่สามารถคาดการณ์ผลตอบแทนได้
นายกรวุฒิ ยังกล่าวถึงตลาดหุ้นไทยด้วยว่า ปัจจุบันนักลงทุนในประเทศและต่างประเทศยังให้ น้ำหนักปัจจัยเสียงในเรื่องการเลือกตั้งในประเทศ และปัจจัยเศรษฐกิจในต่างประเทศทั้ง ยุโรปและสหรัฐฯ อย่างไรก็ตามปัจจัยพื้นฐานของไทยยังดี คาดว่าดัชนีหุ้นไทยน่าจะอยู่ที่ระดับต่ำสุดที่ 950 จุดและ น่าจะปรับตัวขึ้นไปได้สูงสุดที่ 1,150 จุด ในปีนี้
นายกรวุฒิ ลีนะบรรจง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ยูโอบี (ไทย) จำกัด กล่าวว่า เศราฐกิจโลกในขณะนี้ยังคงมีความกังวลจากปัจจัยเศรษฐกิของสหรัฐฯ ที่ภาคอุตสหกรรมการผลิตยังไม่สูงขึ้นรวมถึงปัญหาการว่างงานที่ยังสูงในระดับ 9% และความไม่มั่นใจต่อการเติบโตของเศรษฐกิจหลังจากที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหรือ QE2 จะสิ้นสุดในเดือนมิถุนายนนี้ ขณะที่ปัญหาวิกฤตประเทศกรีซ ที่ประทุขึ้นมาอีกนั้นส่งผลให้เศรษฐกิจคาดการณ์ได้ยากว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป
โดยภาพรวมตลาดหุ้นจะดูไปในทางไม่ดีหากมีปัจจัยเหล่านี้เกิดขึ้น คือ 1) ตัวเลขดัชนีคำสั่งซื้อของเพื่อผลิต (ISM) ของสหรัฐปรับตัวลงต่ำกว่าระดับ 50 แสดงว่าโอกาสที่เสรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวอย่างไม่ยั่งยืนมีสูงและดัชนีตัวนี้มีความสัมพันธ์กับตลาดหุ้น S&P500 ในทางเดียวกันด้วย 2) ราคาน้ำมันทะลุ 140 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาเรล จะกระทบต้นทุนของบริษัทและความสามารถในการใช้จ่ายและการทำกำไรของบริษัท 3) การเติบโตของเสรษฐกิจประเทศตลาดเกิดใหม่ไม่เป็นไปตามที่คาด 4) เงินเฟ้อสูงจากการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งจะตามมาด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่จะให้ผลไม่ต่างกับราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น 5) มาตรการ QE2 จบลงแล้วไม่มี QE3 6) อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี มากกว่า 5.0% และ 7) ดัชนีชี้วัดความผันผวนต่างๆ ปรับตัวสูงขึ้น เหล่านี้ถือเป็นสัญญาณในเชิงลบต่อตลาดหุ้นทั้งสิ้น
ทั้งนี้ การลงทุนในช่วงระยะนี้ สินทรัพย์ที่น่าสนใจยังเป็นสินทรัพย์ประเภท คอมมอดิตี้ และตราสารทุนที่ยังให้ผลตอบแทนที่ดีในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัว โดยคอมอดิตี้ทีน่าสนใจคือ พลังงาน ทองคำ สินค้าเกษตร ซึ่งยังเป็นที่ต้องการและคาดว่าจะให้ผลตอบแทนที่ดี จะเห็นได้ว่าในปีที่ผ่านมานั้น ทองคำและสินค้าเกษตร ราคาได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น
"ดังนั้นในช่วงระยะกลาง ถึงระยะยาว ทองคำยังให้ผลตอบแทนที่ดี แต่ยังต้องติดตามข่าวสารในเรื่องของความต้องการที่จะเพิ่มขึ้นซึ่งจะส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์"
นายกรวุฒิ กล่าว
ขณะที่สินทรัพย์ประเภทหุ้นนั้น ในปีที่ผ่านมากองทุนหุ้นที่ลงทุนในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ และในภูมิภาคเอเชียแฟซิฟิก ได้ให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าในประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างสหรัฐฯ และยุโรปเนื่องจาก ในเอเชียภาครัฐบาลและเอกชนไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจ โดยจะเห็นได้ว่าบริษัทจดทะเบียนต่างๆยังสามารถทำกำไรได้ อย่างไรก็ตามขณะนี้ราคาหุ้นของตลาดเกิดใหม่และเอเชียได้ปรับขึ้นมาในระดับที่ไม่ได้ถูกมาก ดังนั้น ในช่วงนี้นักลงทุนจึงมองไปที่ตลาดหุ้น สหรัฐฯ และยุโรปที่ราคาต่ำกว่ามาก ดังนั้นในช่วงนี้จึงให้น้ำหนักไปที่สหรัฐมากขึ้น แต่ยังต้องจับตาดูสถานการณ์เศรษฐกิจและตัวเลขต่างๆที่ออกมาด้วยเช่นกัน
ด้านเศรษฐกิจจีน อัตราเงินเฟ้ที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้รัฐบาลต้องออกมาตรการควบคุมโดนใช้มาตรการทางการคลังและการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเศรษฐกิจทึ่เติบโตแรงเกินไป ขณะเดียวกันก็ยังมีความกังวลในเรื่องของฟองสบู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์ ทำให้นักลงทุนเกิดความไม่มั่นใจ อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นจีนยังเป็นตลาดที่น่สนใจลงทุนแต่ไม่สามารถคาดการณ์ผลตอบแทนได้
นายกรวุฒิ ยังกล่าวถึงตลาดหุ้นไทยด้วยว่า ปัจจุบันนักลงทุนในประเทศและต่างประเทศยังให้ น้ำหนักปัจจัยเสียงในเรื่องการเลือกตั้งในประเทศ และปัจจัยเศรษฐกิจในต่างประเทศทั้ง ยุโรปและสหรัฐฯ อย่างไรก็ตามปัจจัยพื้นฐานของไทยยังดี คาดว่าดัชนีหุ้นไทยน่าจะอยู่ที่ระดับต่ำสุดที่ 950 จุดและ น่าจะปรับตัวขึ้นไปได้สูงสุดที่ 1,150 จุด ในปีนี้