"ไทยพาณิชย์"เผยเศรษฐกิจโลกปีนี้ชะลอตัว ขณะที่ ศก.สหรัฐฯ ยังมีปัญหาสินเชื่อการว่างงาน ด้านเงินเฟ้อไทยแนวโน้มเป็นขาขึ้น ด้านตลาดอสังหาฯไทย โดยรวมยังปลอดภัย สินเชื่อที่เข้าสู่ตลาดยังไม่สูงและราคายังไม่ขึ้นมาก
นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ และ Chief Economist EIC Economic Intelligence Center ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงเศรษฐกิจโลกว่า แนวโน้มของเศรษฐกิจโลกในปีนี้จะมีการชะลอตัวลงในทุกๆที่ ยกเว้นประเทศสหรัฐฯ แต่ที่น่าจับตาสำหรับเศรษฐกิจของสหรัฐฯ คือ เศรษฐกิจสหรัฐฯคงยังไม่กลับมาเป็นปกติในเร็วๆนี้ เนื่องจาก เศรษฐกิจของสหรัฐฯ ยังมีปัญหาทางโครงสร้างเศรษฐกิจที่ยังแก้ปัญหาไม่ได้ ส่วนตัวเลขต่างๆที่ออกมาดียังไม่ได้สะท้อนภาพใหญ่ของเศรษฐกิจที่ยังคงมีอัตราการว่างงานซึ่งเป็นปัญหาที่ยังต้องแก้อีกนาน
ขณะที่ในเรื่องของปัญหาสินเชื่อนั้น เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีการเพิ่งหาตลาดเงินอย่างมากในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยการแปลงสินทรัพย์มาจากหนี้ต่างๆ ซึค่งเป็นกลไกสำคัญของเศรษฐกิจที่เกิดปัญหาอยู่ ดังนั้นโดยรวมแล้วเศรษฐกิจของสหรัฐฯยังคงมีปัญหาอยู่และเชื่อว่าธนาคารกลางของสหรัฐฯหรือ เฟดยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยในเร็ววันนี้อย่างแน่นอน และคาดว่าในปีนี้ จีดีพี ของสหรัฐฯน่าจะโตอยู่ที่ระดับ 3%
ส่วนยุโรปนั้น มองว่าปัญหายังไม่จบในหลายประเทศอย่าง สเปน กรีซ ที่กำลังกำลังแก้สภาพคล่องอยู่ โดยที่กรีซได้เข้าไปกู้เงินจากกองทุนเพื่อชำระหนี้ของประเทศแต่ว่าปัญหายังไม่จบเพราะยังคงเกิดหนี้อยู่เช่นเดิมที่อาจจะเกิดขึ้นตามมาก็คือการปรับโครงสร้างหนี้ที่อาจเกิดขึ้นในที่สุดและอาจจะไม่เป็นข่าวที่ดีนัก แต่อย่างไรก็ตามปัญหาอาจไม่น่ากัวมากนัก เพราะเศรษฐกิจใหญษอย่างเยอรมันฝรั่งเศสยังแข็งอยู่
นายเศรษฐพุฒิ ยังกล่าวถึงเรษฐกิจของญี่ปุ่นด้วยว่าจากการเกิดแผ่นดินไหวและเกิดคลืนซึนามิ พัดถล่มนั้นรัฐบาลต้องใช้งเนช่วยเหลือฟื้นฟูความเสียหาย โดยต้องกู้เงินเข้ามาเพิ่มส่งผลให้สภาพการคลังที่ย่ำแย่อยู่แล้วมีหนี้เพิ่มาากขึ้นไปอีก อย่างไรก็ตามการส่งออกของไทยไปญี่ปุ่นยังเดินหน้าต่อไปได้ แต่การลงทุนโดยตรงจากญี่ปุ่นมาไทยอาจมีปัญหาบ้าง
ด้านเศรษฐกิจไทย เศรษฐกิจไทยยังคงมีทิศทางไปตามเศรษฐกิจโลกโดยแนวโน้มการส่งออกในปีนี้ยังเติบโตต่อไปได้แต่น้อยกว่าปีที่ผ่านมาและทำให้ จีดีพี ของไทยอาจชะลอตัวลงอยู่ที่ประมาณ 4.5% ตามที่มีการคาดการณ์เอาไว้ ทั้งนี้ในเรื่องของเงินเฟ้อกับดอกเบี้ยนั้น มองว่า เงินเฟ้อของไทยอาจไม่เพิ่มสูงมากเท่ากับประเทศในภูมิภาคแต่แนวโน้มยังคงเป็นขาขึ้น ซึ่งเชื่อว่าทางแบงก์ชาติของไทยน่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหากเห็นว่าอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงติดลบ ดังนั้นคาดว่าในปีนี้อัตราเงินเฟ้อน่าจะอยู่ที่ระดับ 3.5 - 4% อัตราดอกเบี้ยน่าจะอยู่ที่ประมาณ 3% แต่ต้องดูเรื่องค่าเงินบาทประกอบด้วยเช่นกัน หากงเนบาทแข็งค่าต้องหยุดขึ้นอัตราดอกเบี้ย ส่วนในระยะยาวแล้วคาดว่าอัตราดอกเบี้ยไม่น่าจะต่ำว่า 4%
นายเศรษฐพุฒิ ยังกล่าวถึง ภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทยว่า โดยรวมแล้วตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทยยังมีความปลอดภัยเมื่อเทียบกับประเทศอื่นอย่าง จีน ฮ่องกงโดยที่สินเชื่อของที่เข้าสู่การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ยังไม่โตมากโดยอยู่ที่ระดับ 14% ขณะที่ราคาอสังหาริมทรัพย์โดยรวมแล้วยังไม่ปรับตัวขึ้นสูงมาก เหมือนกับประเทศอื่นในภูมิภาค
นอกจากนี้โดยประเด็นที่น่าสนใจสำหรับอสังหาริมทรัพย์ประเภทเพื่อการพาณิชย์นั้นมีข้อดี คือ สามารถทนต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจได้มากกว่าอสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่นเพราะมีรายได้เป็นประจำจากค่าเช่า ขณะเดียวกันเป็นสินทรัพย์ที่สามรถลดทอนความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อ เนื่องจากอัตราค่าเช่าสามารถปนับเปลี่ยนได้ตลอดตามภาวะเงินเฟ้อ
"อย่างไรก็ตาม การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ให้ได้ผลตอบแทนที่ดีนั้น คุณภาพของอสังหาริมทรัพย์จะต้องดีรวมทั้งตั้งอยู่ในทำเลที่ดีด้วย"นายเศรษฐพุฒิ