xs
xsm
sm
md
lg

ปตท.รุกอาเซียนตั้งปั๊ม-บูม "จิฟฟี่-อเมซอน" พร้อมส่งซิกปรับราคาน้ำมัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ปตท.เปิดแผนลงทุนรุกขยายตลาดอาเซียน เตรียมทุ่มเม็ดเงินกว่า 500 ล้านบาท ลงทุนตั้งปั๊ม และธุรกิจนอกไลน์น้ำมัน "จิฟฟี่-อเมซอน" ยอมรับ ผลกระทบน้ำมันโลกพุ่ง ทำให้คนหันไปใช้ก๊าซ-พลังงานทางเลือกอื่น พร้อมส่งสัญญาณ ราคาขายปลีกอาจปรับขึ้น หากราคาน้ำมันโลกยังพุ่งขึ้นอีก แนะรัฐใช้นโบายตรึงราคาน้ำมันในช่วงสั้น

นายสรัญ รังคสิริ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเงินลงทุนกว่า 500 ล้านบาทในระยะ 2-3 ปีข้างหน้าสำหรับการขยายสถานีบริการน้ำมันของ ปตท.ไปยังต่างประเทศ โดยเน้นในอาเซียน เนื่องจากบริษัทต้องการก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดผู้ให้บริการน้ำมันในภูมิภาคนี้ หลังจากประสบความสำเร็จในการเป็นผู้นำตลาดในประเทศแล้ว

อย่างไรก็ตาม การลงทุนจะเน้นสถานีบริการน้ำมันแบบครบวงจร ซึ่งมีการลงทุนธุรกิจอื่นที่ไม่ใช่ธุรกิจน้ำมันรวมอยู่ด้วย เพื่อสร้างรายได้ให้กับบริษัท เพราะในอนาคตประเมินว่าธุรกิจน้ำมันอาจจะเข้าสู่จุดอิ่มตัว และการใช้น้ำมันจะปรับลดลง เพราะเทคโนโลยีรถยนต์รุ่นใหม่ๆ จะมีการปรับการใช้น้ำมันลดลงอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ แผนการขยายธรุกิจน้ำมันในอีก 5 ปี จะมีการขยายสถานีบริการน้ำมันไปยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยปัจจุบันมีการขยายธุรกิจดังกล่าวไปที่ประเทศกัมพูชาจำนวน 20 แห่ง และขณะนี้มีการมองถึงการขยายธุรกิจดังกล่าวไปยัง ประเทศฟิลิปปินส์ และประเทศลาว ทั้งนี้ การขยายดังกล่าวมีการนำธุรกิจในสถานีบริการที่ไม่ใช่ธุรกิจน้ำมัน (นอนออยล์) อาทิ อเมซอน จิฟฟี่ ไปยังประเทศเพื่อนบ้านด้วย

"ภายใน 2-3 ปีข้างหน้าบริษัทคาดว่าจะมีสัดส่วนรายได้ที่ไม่ใช่ธุรกิจน้ำมันเพิ่มขึ้นเป็น 50% จากปัจจุบันมีสัดส่วน 20-30% นอกจากนี้ อัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจค้าปลีกจะมาจากธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมันมากกว่าธุรกิจที่เกี่ยวกับน้ำมัน"

พร้อมกันนี้ ปตท.ได้ตั้งเป้าจะมีสถานีบริการน้ำมันที่ลงทุนเองประมาณ 100 แห่งภายในระยะ 2-3 ปีข้างหน้า จากปัจจุบัน ดีลเลอร์ปั๊มน้ำมัน ปตท.ลงทุนในฟิลิปปินส์ 46 แห่ง ในลาว 30 แห่ง ในกัมพูชา 6 แห่ง ขณะที่ ปตท.จะเริ่มลงทุนในปีนี้

สำหรับธุรกิจร้านกาแฟสดภายใต้ตรา Cafe' Amazon มีแผนขยายสาขาในสถานีบริการน้ำมันเพิ่มขึ้นอีก 120 แห่งในปี 2554 และยังมีเป้าหมายการขยายออกสู่ภายนอกสถานีบริการน้ำมันภายใต้ระบบแฟรนไชส์ โดยคาดว่าจะขยายการเปิดร้านภายนอกสถานีบริการน้ำมันประมาณ 10-15 แห่งในปีนี้

ทั้งนี้ ปตท. มีความมั่นใจว่าธุรกิจร้านกาแฟสดในประเทศไทยยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก และพร้อมที่จะเดินหน้าลงทุนเพิ่มเติมเพื่อขยายธุรกิจในระยะยาว รวมทั้งยังมีแผนการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในการยกระดับมาตรฐานคุณภาพของสินค้าและบริการควบคู่ไปกับการขยายสาขา

ปตท. ได้พัฒนาธุรกิจร้านกาแฟสดภายใต้ตรา Cafe' Amazon เพื่อเติมเต็มความสมบูรณ์ให้แก่สถานีบริการน้ำมัน ปตท. โดยได้เปิดให้บริการในสถานีบริการน้ำมัน ปตท. มาตั้งแต่ปี 2545 และด้วยสินค้าและบริการที่ตอบสนองได้ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายคนเดินทาง จึงได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภค และมียอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ปัจจุบัน ปตท. ได้เปิดดำเนินการร้าน Cafe' Amazon ครบจำนวน 555 สาขา โดยร้านรหัสสาขาที่ 555 ตั้งอยู่ในสถานีบริการน้ำมัน ปตท. แหลมฉบังขาเข้า จ.ชลบุรี และถือได้ว่า Cafe' Amazon เป็นธุรกิจร้านกาแฟสดที่มีจำนวนร้านค้าเครือข่ายมากที่สุดในประเทศ

ผู้บริหาร ปตท. ยังระบุว่า มาตรการการตรึงราคาน้ำมัน และการชดเชยราคาไม่ได้สอดคล้องราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น ทำให้ค่าการตลาดต่ำกว่าระดับที่เหมาะสมที่ควรอยู่ในระดับ 1.50 บาทต่อลิตร โดยปัจจุบันค่าการตลาดดีเซล อยู่ที่ 0.60 บาทต่อลิตร และค่าการตลาดกลุ่มเบนซิน อยู่ที่ 1.20-1.30 บาทต่อลิตร

ขณะที่ ปตท.ยังมีภาระการันตีค่าการตลาดให้ดีลเลอร์ที่ 0.78 บาทต่อลิตร ทำให้ที่ผ่านมา ปตท.ต้องแบกรับภาระค่าการตลาดที่ติดลบไปแล้ว 1.4 พันล้านบาท และอาจจะสูงไปถึง 2 พันล้านบาท หากรัฐบาลยังไม่ยกเลิกมาตรการตรีงราคาดีเซล

สำหรับทิศทางราคาน้ำมันในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา ราคาน้ำมันโลกยังคงปรับขึ้นต่อเนื่อง โดยเมื่อคืนราคาน้ำมันดิบเวสต์ เท็กซัส ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 2 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทำให้ค่าการตลาดน้ำมันดีเซล ลดต่ำลงอยู่ที่ประมาณ 50 สตางค์ต่อลิตร

โดยการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายการเงิน (กบง.) ช่วงเย็นวันนี้ ผู้ค้าน้ำมันต่างลุ้นว่า กบง.จะมีการลดการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ในส่วนของดีเซลที่เรียกเก็บอยู่ 1.80 บาทต่อลิตร ลงอีกครั้ง เพื่อบรรเทาผลกระทบให้กับผู้ประกอบการส่วนน้ำมันเบนซินค่าการตลาดอยู่ที่ระดับ 1.20-1.30 บาทต่อลิตร ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่พอรับได้

ทั้งนี้ หากราคาในตลาดโลก ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในสัปดาห์นี้ ปตท. อาจต้องมีการปรับราคาน้ำมันเบนซินขึ้น 40-50 สตางค์ต่อลิตร อย่างไรก็ตาม จากการที่ ปตท. รับภาระการตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน ทำให้ ปตท. แบกรับไปแล้วประมาณ 1,400 ล้านบาท

ด้านนายจักรกฤช จารุจินดา ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์ตลาดขายปลีก ปตท. กล่าวเสริมว่า ภายในปี 2554 ปตท.ตั้งเป้าหมายที่จะขยายสถานีบริการน้ำมันในประเทศไทยไว้จำนวน 20 แห่ง โดยกระจายไปยังทั่วประเทศ ทดแทนการหมดสัญญาของสถานีบริการน้ำมันหลายแห่งที่ปิดตัวลง เนื่องจากหมดสัญญา โดยปัจจุบันมีสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศจำนวน 1.3 พันแห่งทั่วประเทศ

สำหรับปริมาณการจำหน่ายน้ำมันในประเทศ มียอดขายเพิ่มขึ้นจากปี 2553 อยู่ที่ 0.7% โดยทาง ปตท.มีส่วนแบ่งการตลาดในการจำหน่ายคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 50% ของจำนวนดังกล่าว ทั้งนี้สัดส่วนการจำหน่ายน้ำมันที่ไม่เพิ่มสูงมากนัก เนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ผู้บริโภคหันไปใช้ก๊าซธรรมชาติ (เอ็นจีวี) และก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) มากขึ้น

"ปตท. ได้เตรียมแนวทางการที่จะเพิ่มสัดส่วนขายปลีก พลังงาน โดยการขยายสถานีไปยังประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้ง ศึกษารูปแบบสถานีบริการขนาดเล็กที่ไม่ต้องใช้งบปรมาณในการบริหารจัดการสูง และ สถานีบริการที่เป้นพลังงานทางเลือกในอนาคต อาทิ รถยนต์ไฟฟ้า"

สำหรับทิศทางราคาน้ำมันในครึ่งปีหลัง คาดว่าจะมีการเคลื่อนไหวอยู่ในระดับ 100-110 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เป็นผลมาจากปัจจัยการใช้น้ำมันยังไม่มีแนวโน้มที่ลดลง ประกอบกับประเทศสหรัฐอเมริกาเข้าสู่ในช่วงฤดูท่องเที่ยว ส่งผลให้มีอัตราการใช้น้ำมันเบนซินสูงขึ้น และในประเทศแถวทวีปยุโรป กำลังเข้าสู่ช่วงฤดูหนาว
กำลังโหลดความคิดเห็น