xs
xsm
sm
md
lg

รยส.ปรับกลยุทธ์สู้ศึกเปิดค้าเสรี-เล็งจ้างญี่ปุ่นผลิต รับภาษีใหม่รายได้วูบ!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โรงงานยาสูบปรับกลยุทธ์แข่งขันใต้กรอบการแข่งขันเสรี เตรียมรับจ้างเจแปนโทแบ็คโค ผลิตบุหรี่ชดเชยรายได้ที่หายไป ขณะที่โรงงานแห่งใหม่ที่นิคมโรจนะเตรียมลงเสาเอกเม.ย.นี้คาด 3 ปี เปิดเดินหน้าผลิตได้ ระบุฐานภาษีสรรพสามิตใหม่ฉุดกำไรวูบบุหรี่ตลาดล่างราคาพุ่ง ส่วนบุหรี่นอกราคาปรับลดลง

นายอำนวย ปรีมนวงศ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยการโรงงานยาสูบ (รยส.) เปิดเผยว่า ภายใต้การแข่งขันในกรอบการค้าเสรีและการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนโรงงานยาสูบ มีความจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์การดำเนินงานเนื่องจากมีแนวโมว่าภายใต้กฎเกณฑ์การค้ารูปแบบใหม่และการควบคุมจากภาครัฐที่เข้มงวดจะทำให้รายได้ของโรงงานยาสูบลดลงปีละ 20% จากรายได้รวม 6 หมื่นล้านบาทต่อปี

โดยในขณะนี้โรงงานยาสูบอยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัท เจแปนโทแบ็คโค เพื่อรับจ้างผลิตบุหรี่ ซึ่งคาดว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงได้ในเร็วๆ นี้ ทั้งนี้ กำลังการผลิตของโรงงานยาสูบปัจจุบันใกล้เต็มแล้วจะมีการลงทุนเพิ่มเครื่องจักรบางส่วนเพื่อรองรับการรับจ้างผลิตในส่วนนี้ก่อนที่จะย้ายออกไปยังโรงงานแห่งใหม่ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง

“กรอบการแข่งขันใหม่จะทำให้รายได้ของโรงงานยาสูบลดลงมาก จึงต้องหาช่องทางในการหารายได้เพิ่มขึ้นดีลที่กำลังคุยกับเจแปนโทแบ็คโคนี้ คงได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้ ซึ่งหารเราลงทุนแล้วก็อยากให้เซ็นสัญญาระยะยาวโดยจะรับจ้างผลิตบุหรี่คนละกลุ่มกับที่เราผลิตอยู่แล้วและส่งขายไปต่างประเทศอย่างเดียว อีกทั้งในอนาคตก็จะเจรจากับรายอื่นเพื่อปรับตัวเป็นผู้รับจ้างผลิตในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น” นายอำนวย กล่าว

นายอำนวย กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าการก่อสร้างโรงงานยาสูบแห่งใหม่นั้นได้เซ็นสัญญากับผู้รับเหมาแล้วโดยจะเข้าพื้นที่และเริ่มก่อสร้างในเดือนเมษายนที่นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ จ.พระนครศรีอยุธยา ใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี และในระหว่างก่อสร้างจะมีการประมูลเครื่องจักร 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 ด้านใบยาวงเงิน 3.4 พันล้านบาท และส่วนที่ 2 เครื่องจักรสำหรับการมวนยาสูบ และการบรรจุหีบห่อวงเงิน 3.2 พันล้านบาท ส่วนวงเงินก่อสร้างตัวโรงงาน 4.6 หมื่นล้านบาท

ด้าน นายอำนาจ เพิ่มชาติ รองผู้อำนวยการโรงงานยาสูบ กล่าวว่า การจัดเก็บภาษีจากคำนวณตามราคาหน้าโรงงาน (ซีไอเอฟ) เป็นเก็บจากเปอร์เซ็นต์ของราคาขายปลีก ว่า วิธีการดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อบุหรี่ที่โรงงานยาสูบผลิตและจำหน่ายในกลุ่มของตลาดล่างและตลาดล่าง โดยทำให้ต้องมีภาระภาษีเพิ่มและกระทบต่อยอดขายลดลง เนื่องจากเสียเปรียบในการแข่งขันกับบุหรี่จากต่างประเทศ ซึ่งจะกระทบต่อยอดขาย และกำไรนำส่งรัฐตามมา จึงทำข้อมูลเสนอไปยังกระทรวงการคลังแล้วว่าโรงงานยาสูบจะได้รับผลกระทบใดบ้าง เพื่อให้พิจารณาความเหมาะสมก่อนจะมีการประกาศใช้แนวทางการจัดเก็บต่อไป

ทั้งนี้ หากเปลี่ยนวิธีการจัดเก็บใหม่จำให้บุหรี่จากต่างประเทศ เนื่องจากไม่ต้องมีภาระที่ต้องจ่ายภาษีเงินได้ร้านค้าแทนตัวแทนจำหน่าย 3 ช่วง ซึ่งเป็นเงินประมาณ 700 ล้านบาทต่อปี บวกกับภาษีที่จะเพิ่มอีก 400 ล้านบาทต่อปีรวมเป็น 1,100 ล้านบาท แล้วยังไม่จำเป็นต้องปรับราคาขายปลีกใหม่เพราะปัจจุบันบุหรี่ตลาดบนราคาแพงจะขายไม่เต็มราคาประกาศอยู่แล้ว และหากปรับอัตราภาษีใหม่เป็นกำหนดอัตราขั้นต่ำ 20% หรือมวนละ 1 บาท ก็จะกระทบเฉพาะบุหรี่ราคาถูกในตลาดล่างที่โรงงานยาสูบก็ผลิตหลายยี่ห้อมีสัดส่วนประมาณ 20-30%ในตลาด (เอสเอ็มเอส ชู้ต วันเดอร์) ทำให้อาจต้องมีการปรับราคาขายปลีกอีกซองละ 10-15 บาท จากราคาขายปัจจุบัน 42 บาท

รวมถึงบุหรี่ราคาถูกที่นำเข้าจากต่างประเทศก็จะต้องมีภาระภาษีเพิ่ม แต่บุหรี่ตลาดกลางและบนที่เสียภาษีในอัตรา 60% อยู่แล้วจะไม่กระทบ และยี่ห้อที่ครองตลาดบนอยู่ขณะนี้อาจจะมีภาระลดลงปีละ 80 ล้านบาทด้วยซ้ำ (มาร์ลโบโร) ส่วนบุหรี่ของโรงงานยาสูบที่ผลิตจำหน่ายและครองตลาด 45% (กรองทิพย์) ก็ไม่น่าจะได้รับผลกระทบถึงขั้นต้องปรับราคาขายปลีกจากปัจจุบันที่จำหน่าย 58 บาท
กำลังโหลดความคิดเห็น