เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ยกมือเชียร์กระทรวงการคลังเปลี่ยนระบบจัดเก็บภาษีบุหรี่ลดบ.บุหรี่เลี่ยงเสียภาษี และคนไทยสูบน้อยลง
ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวถึงกรณีของบริษัท ฟิลลิป มอร์ริส ว่า ในเรื่องของคดีความต่างๆ ที่มีอยู่ ระหว่างกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กรมศุลกากร กับฟิลลิป มอร์ริส ก็เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมทั้งฝ่ายที่ตรวจสอบที่จะต้องเดินเรื่องต่อไป บนหลักการที่ต้องรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ และเป็นไปตามกฎหมายดังที่นายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงต่อสภา ทั้งนี้ ตนเองเห็นว่าเป็นที่น่ายินดี คือการที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังประกาศว่าได้เห็นชอบให้มีการแก้กฎหมายเพื่อเปลี่ยนวิธีคำนวณภาษียาสูบ เพราะวิธีการคำนวณภาษียาสูบที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน นอกจากจะมีปัญหาเรื่องที่ต้องมีภาระในการพิสูจน์ราคาต้นทุนบุหรี่ที่แท้จริง ดังกรณีที่เกิดขึ้นกับบริษัท ฟิลลิป มอร์ริส แล้ว บริษัทบุหรี่ยังแก้เกมเพื่อที่จะลดประสิทธิภาพของนโยบายการขึ้นภาษีของรัฐบาล โดยการผลิตบุหรี่ยี่ห้อใหม่ๆ ที่มีราคาต้นทุนต่ำๆ ออกวางจำหน่าย ทำให้ราคาขายปลีกไม่เพิ่มขึ้นตามอัตราภาษีที่เพิ่มขึ้น
"วิธีการนี้เรียกว่า การถ่ายโอนราคาเพื่อรักษาลูกค้าไว้ให้สูบบุหรี่ต่อไป ตามสันดานเดิมของบริษัทผู้ผลิตสินค้าแห่งความตายนี้ ซึ่งสวนทางกับวัตถุประสงค์ของรัฐบาลในการขึ้นภาษีบุหรี่เพื่อให้คนสูบบุหรี่ลดลงหรือเลิกสูบ” ศ.นพ.ประกิต กล่าว และว่า นอกจากโครงสร้างภาษีบุหรี่โรงงานที่ต้องมีการแก้ไขแล้ว จุดอ่อนสำคัญอีกเรื่องหนึ่งของระบบภาษียาสูบในปัจจุบันคือการที่การจัดเก็บภาษียาสูบสำหรับยาสูบต่างประเภทไม่เท่าเทียมกัน โดยบุหรี่ยาเส้นที่มวนเองมีการจัดเก็บภาษีในระดับที่ต่ำมาก ทำให้คนไทยที่สูบบุหรี่ยาเส้น ซึ่งมีถึงหกล้านกว่าคน ไม่มีความคิดหรือความพยายามที่จะเลิกสูบ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้จำนวนคนไทยที่สูบบุหรี่ไม่ลดลงเท่าที่ควรในช่วงยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา ทั้งที่มีการรณรงค์ให้คนไทยไม่สูบบุหรี่ การที่ยังมีผู้สูบบุหรี่จำนวนมากจะส่งผลต่อเนื่องถึงภาระที่กระทรวงการคลังจะต้องหางบประมาณมาใช้ในการรักษาพยาบาลผู้ที่ป่วยจากโรคที่เกิดจากการสูบบุหรี่ทั้งที่สูบบุหรี่โรงงานและยาเส้นมวนเอง
ศ.นพ.ประกิต กล่าวอีกว่า ดังนั้น กระทรวงการคลังจะต้องยกเครื่องการจัดเก็บภาษียาสูบทั้งระบบ เพื่อให้ประเทศไทยได้รับผลประโยชน์สูงสุดจากการใช้นโยบายการขึ้นภาษียาสูบ อันจะทำให้รัฐบาลมีรายรับจากภาษียาสูบเพิ่มขึ้นพร้อมๆ กับการที่ทำให้คนไทยสูบบุหรี่น้อยลง
ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวถึงกรณีของบริษัท ฟิลลิป มอร์ริส ว่า ในเรื่องของคดีความต่างๆ ที่มีอยู่ ระหว่างกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กรมศุลกากร กับฟิลลิป มอร์ริส ก็เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมทั้งฝ่ายที่ตรวจสอบที่จะต้องเดินเรื่องต่อไป บนหลักการที่ต้องรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ และเป็นไปตามกฎหมายดังที่นายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงต่อสภา ทั้งนี้ ตนเองเห็นว่าเป็นที่น่ายินดี คือการที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังประกาศว่าได้เห็นชอบให้มีการแก้กฎหมายเพื่อเปลี่ยนวิธีคำนวณภาษียาสูบ เพราะวิธีการคำนวณภาษียาสูบที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน นอกจากจะมีปัญหาเรื่องที่ต้องมีภาระในการพิสูจน์ราคาต้นทุนบุหรี่ที่แท้จริง ดังกรณีที่เกิดขึ้นกับบริษัท ฟิลลิป มอร์ริส แล้ว บริษัทบุหรี่ยังแก้เกมเพื่อที่จะลดประสิทธิภาพของนโยบายการขึ้นภาษีของรัฐบาล โดยการผลิตบุหรี่ยี่ห้อใหม่ๆ ที่มีราคาต้นทุนต่ำๆ ออกวางจำหน่าย ทำให้ราคาขายปลีกไม่เพิ่มขึ้นตามอัตราภาษีที่เพิ่มขึ้น
"วิธีการนี้เรียกว่า การถ่ายโอนราคาเพื่อรักษาลูกค้าไว้ให้สูบบุหรี่ต่อไป ตามสันดานเดิมของบริษัทผู้ผลิตสินค้าแห่งความตายนี้ ซึ่งสวนทางกับวัตถุประสงค์ของรัฐบาลในการขึ้นภาษีบุหรี่เพื่อให้คนสูบบุหรี่ลดลงหรือเลิกสูบ” ศ.นพ.ประกิต กล่าว และว่า นอกจากโครงสร้างภาษีบุหรี่โรงงานที่ต้องมีการแก้ไขแล้ว จุดอ่อนสำคัญอีกเรื่องหนึ่งของระบบภาษียาสูบในปัจจุบันคือการที่การจัดเก็บภาษียาสูบสำหรับยาสูบต่างประเภทไม่เท่าเทียมกัน โดยบุหรี่ยาเส้นที่มวนเองมีการจัดเก็บภาษีในระดับที่ต่ำมาก ทำให้คนไทยที่สูบบุหรี่ยาเส้น ซึ่งมีถึงหกล้านกว่าคน ไม่มีความคิดหรือความพยายามที่จะเลิกสูบ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้จำนวนคนไทยที่สูบบุหรี่ไม่ลดลงเท่าที่ควรในช่วงยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา ทั้งที่มีการรณรงค์ให้คนไทยไม่สูบบุหรี่ การที่ยังมีผู้สูบบุหรี่จำนวนมากจะส่งผลต่อเนื่องถึงภาระที่กระทรวงการคลังจะต้องหางบประมาณมาใช้ในการรักษาพยาบาลผู้ที่ป่วยจากโรคที่เกิดจากการสูบบุหรี่ทั้งที่สูบบุหรี่โรงงานและยาเส้นมวนเอง
ศ.นพ.ประกิต กล่าวอีกว่า ดังนั้น กระทรวงการคลังจะต้องยกเครื่องการจัดเก็บภาษียาสูบทั้งระบบ เพื่อให้ประเทศไทยได้รับผลประโยชน์สูงสุดจากการใช้นโยบายการขึ้นภาษียาสูบ อันจะทำให้รัฐบาลมีรายรับจากภาษียาสูบเพิ่มขึ้นพร้อมๆ กับการที่ทำให้คนไทยสูบบุหรี่น้อยลง