ธนารักษ์ ปิ๊งไอเดียจับมือโมเดิร์นเทรดตั้งโต๊ะจุดแลกเหรียญกษาปณ์ เพิ่มปริมาณเหรียญหมุนในระบบ ลดต้นทุนการผลิต หวังห้างยักษ์แจกคูปองส่วนลดจูงใจประชาชนนำเหรียญที่หายไปจากระบบมาหมุนเวียนใช้
นายวินัย วิทวัสการเวช อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า กรมธนารักษ์อยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อลงนามบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) กับห้างสรรพสินค้ขนาดใหญ่ ที่มีสาขากระจายอยู่ทั่วประเทศ เช่น เทสโก้โลตัส บิ๊กซี และ แม็คโคร ในการเข้าร่วมโครงการรับแลกเหรียญกษาปณ์คืนจากประชาชน เพื่อให้ประชาชนนำเหรียญกษาปณ์ 6 ชนิดราคา คือ 25, 50 สตางค์ 1, 2, 5, 10 บาท มาแลกเป็นคูปองไปแลกซื้อสินค้า เพื่อดึงเหรียญเหล่านี้กลับมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในระบบเศรษฐกิจ มีการหมุนเวียนและยังลดภาระการผลิตเหรียญกษาปณ์ที่ต้องผลิตเพิ่มเติมในแต่ละปี เพราะเหรียญกษาปณ์จะคงทนมากกว่าธนบัตร ไม่ชำรุดง่าย ขณะเดียวกัน ห้างสรรพสินค้าเองก็จะลดภาระเดินทางมาแลกเหรียญเอง
โดยในขณะนี้กำลังติดต่อห้างค้าปลีกรายใหญ่ที่จะเข้าร่วมโครงการ เพราะจะต้องพิมพ์คูปองออกมาแลกด้วย และบางห้างอาจจะมีส่วนลดจากการนำคูปองเหล่านั้นไปจับจ่ายใช้สอยในห้างสรรพสินค้านั้นๆ ด้วย ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้ประชาชนนำเหรียญที่เก็บไว้เป็นเวลานานออกมาใช้ประโยชน์ จะทำให้เกิดประโยชน์กับทุกฝ่าย โดยจะเปิดตัวโครงการดังกล่าวในงาน มหกรรมการเงิน Money Expo ระหว่างวันที่ 14-18 มิถุนายน 54 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ขณะเดียวกัน ยังจะจัดงานนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 84 พรรษาในงานนี้ด้วย เพื่อให้ผู้เข้าร่วมกิจการได้รับความรู้ ทั้งการประเมินราคาที่ดิน เพื่อรองรับร่าง พ.ร.บ.ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง การนำทรัพย์สินอันมีค่าของแผ่นดินมาแสดงให้ประชาชนได้ชมด้วย
นายวินัย กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าขาดแคลนเหรียญชนิดราคา 1 บาทในระบบ ว่า ไม่เป็นความจริง เพราะปัจจุบันมีเหรียญบาทหมุนเวียนในระบบมากที่สุดถึง 55% ของเหรียญทุกประเภท หรือ 12,287 ล้านเหรียญ จากจำนวนทั้งหมด 22,653 ล้านเหรียญ เป็นเหรียญราคา 10 บาท จำนวน 1,408 ล้านเหรียญ เหรียญราคา 5 บาท จำนวน 2,500 ล้านเหรียญ เหรียญราคา 2 บาท 1,200 ล้านเหรียญ เหรียญราคา 1 บาท จำนวน 12,300 ล้านเหรียญ เหรียญราคา 50 สตางค์ 2,100 ล้านเหรียญ และเหรียญ 25 สตางค์ จำนวน 3,100 ล้านเหรียญ
นายวินัย วิทวัสการเวช อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า กรมธนารักษ์อยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อลงนามบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) กับห้างสรรพสินค้ขนาดใหญ่ ที่มีสาขากระจายอยู่ทั่วประเทศ เช่น เทสโก้โลตัส บิ๊กซี และ แม็คโคร ในการเข้าร่วมโครงการรับแลกเหรียญกษาปณ์คืนจากประชาชน เพื่อให้ประชาชนนำเหรียญกษาปณ์ 6 ชนิดราคา คือ 25, 50 สตางค์ 1, 2, 5, 10 บาท มาแลกเป็นคูปองไปแลกซื้อสินค้า เพื่อดึงเหรียญเหล่านี้กลับมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในระบบเศรษฐกิจ มีการหมุนเวียนและยังลดภาระการผลิตเหรียญกษาปณ์ที่ต้องผลิตเพิ่มเติมในแต่ละปี เพราะเหรียญกษาปณ์จะคงทนมากกว่าธนบัตร ไม่ชำรุดง่าย ขณะเดียวกัน ห้างสรรพสินค้าเองก็จะลดภาระเดินทางมาแลกเหรียญเอง
โดยในขณะนี้กำลังติดต่อห้างค้าปลีกรายใหญ่ที่จะเข้าร่วมโครงการ เพราะจะต้องพิมพ์คูปองออกมาแลกด้วย และบางห้างอาจจะมีส่วนลดจากการนำคูปองเหล่านั้นไปจับจ่ายใช้สอยในห้างสรรพสินค้านั้นๆ ด้วย ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้ประชาชนนำเหรียญที่เก็บไว้เป็นเวลานานออกมาใช้ประโยชน์ จะทำให้เกิดประโยชน์กับทุกฝ่าย โดยจะเปิดตัวโครงการดังกล่าวในงาน มหกรรมการเงิน Money Expo ระหว่างวันที่ 14-18 มิถุนายน 54 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ขณะเดียวกัน ยังจะจัดงานนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 84 พรรษาในงานนี้ด้วย เพื่อให้ผู้เข้าร่วมกิจการได้รับความรู้ ทั้งการประเมินราคาที่ดิน เพื่อรองรับร่าง พ.ร.บ.ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง การนำทรัพย์สินอันมีค่าของแผ่นดินมาแสดงให้ประชาชนได้ชมด้วย
นายวินัย กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าขาดแคลนเหรียญชนิดราคา 1 บาทในระบบ ว่า ไม่เป็นความจริง เพราะปัจจุบันมีเหรียญบาทหมุนเวียนในระบบมากที่สุดถึง 55% ของเหรียญทุกประเภท หรือ 12,287 ล้านเหรียญ จากจำนวนทั้งหมด 22,653 ล้านเหรียญ เป็นเหรียญราคา 10 บาท จำนวน 1,408 ล้านเหรียญ เหรียญราคา 5 บาท จำนวน 2,500 ล้านเหรียญ เหรียญราคา 2 บาท 1,200 ล้านเหรียญ เหรียญราคา 1 บาท จำนวน 12,300 ล้านเหรียญ เหรียญราคา 50 สตางค์ 2,100 ล้านเหรียญ และเหรียญ 25 สตางค์ จำนวน 3,100 ล้านเหรียญ