“เจ๊วา” แจงผลประชุมร่วม กนอ.-ส.เครื่องดื่ม-ส.อ.ท.-รง.น้ำตาล ได้ข้อสรุปแก้น้ำตาลแพง โดยเพิ่มโควตา ก.จำนวน 3 ล้านกระสอบ ชดเชยเข้ากองทุนน้ำตาล กก.ละ 5 บาท เพื่อนำไปอุ้มต้นทุนค่าบรรจุภัณฑ์ 65 สตางค์ หรือเป็นเงิน 400 บาท เพื่อตรึงราคาน้ำตาลถุงที่ กก.ละ 23.50 บาท เตรียมชง ครม.สัปดาห์หน้า พร้อมสั่ง 4 รง.ผลิตเพิ่ม-หามาตรการสกัดใช้โควตา บริโภค-อุตฯ ลักลอบส่งออก ลั่นพรุ่งนี้ เรียกโมเดิร์นเทรด ถกลดค่าธรรมเนียม-วางสินค้า
นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาล (กอน.) สมาคมอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และโรงงานน้ำตาลทราย 4 ราย ได้ข้อสรุปว่า กรณีของการขอเพิ่มค่าบรรจุถุง จาก 75 สตางค์ เป็น 1.40 บาท เนื่องจากต้นทุนเพิ่มสูงขึ้นเพิ่มจากโรงงานผู้ผลิตน้ำตาลนั้น ที่ประชุมมีมติไม่อนุมัติให้ปรับค่าบรรจุถุงเพิ่ม เพื่อตรึงราคาจำหน่ายปลีกน้ำตาลให้อยู่ที่กิโลกรัมละ 23.50 บาท เนื่องจากเห็นว่ายังสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้ เพราะขณะนี้มีการเพิ่มโควตา ก.จาก 22 ล้านกระสอบ เป็น 25 ล้านกระสอบ
ดังนั้น จะนำโควตา ก.ที่เพิ่มขึ้นจำนวน 3 ล้านกระสอบ ซึ่งเป็นเม็ดเงินชดเชยเข้ากองทุนในสัดส่วนกิโลกรัมละ 5 บาท เท่ากับจะมีจำนวนเงินในส่วนนี้เพิ่มขึ้นอีก 1,500 ล้านบาท โดยจะนำเงินในส่วนนี้ไปชดเชยค่าต้นทุนบรรจุถุงที่เพิ่มขึ้นทดแทนการปรับราคาน้ำตาลทรายที่ขอเพิ่มมาอีกถุงละประมาณ 65 สตางค์ หรือคิดเป็นเงิน ประมาณ 400 ล้านบาท และส่วนที่เหลือก็จะนำเข้ากองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายต่อไป โดยยังยืนยันราคาจำหน่ายน้ำตาลทรายบรรจุถุงขนาด 1 กิโลกรัมจะยังมีราคาอยู่ที่ 23.50 บาท ซึ่งเป็นราคาเพดานที่กรมการค้าภายในกำหนดไว้ทั้งนี้มาตรการดังกล่าวจะเสนอต่อที่ประชุมคระรัฐมนตรี (ครม.) ได้ภายในสัปดาห์หน้า
“แนวทางนี้น่าจะเป็นไปได้ เพราะกองทุนได้เงินที่ประชาชนจ่ายซื้อน้ำตาลทราย ซึ่งเก็บจากประชาชนกิโลกรัมละ 5 บาท เพื่อนำเงินสบทบเข้ากองทุนฯ ช่วยเหลือผู้ปลูกอ้อย แต่เมื่อประชาชนเดือนร้อน กองทุนก็น่าจะช่วยเหลือประชาชนบ้าง ซึ่งจะต้องหารือกับรัฐมนตรีอุตสาหกรรมก่อน แล้วจึงนำผลหารือเสนอให้ ครม.พิจารณาอนุมัติต่อไป”
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้ตกลงให้ผู้ผลิตน้ำตาลทราย 4 โรงงานใหญ่เร่งกำลังการผลิตบรรจุน้ำตาลทรายต่อถุงเพื่อเข้าสู่ตลาด โดยเฉพาะตามช่องทางต่างๆ เพิ่มขึ้น หลังจากได้รับการร้องเรียนจากผู้บริโภคว่าไม่สามารถหาซื้อน้ำตาลทรายมาบริโภคได้
แต่หากทั้ง 4 โรงงานไม่สามารถเพิ่มกำลังการผลิต และน้ำตาลทรายยังเกิดการขาดแคลนอยู่ ทางกระทรวงพาณิชย์ และกระทวงอุตสาหกรรม จะเปิดกว้างให้โรงงานผู้ผลิตน้ำตาลทรายรายอื่นเป็นผู้บรรจุน้ำตาลทรายแทน รวมทั้งได้ให้กรมการค้าภายในไปเร่งศึกษารูปแบบการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการส่งออกน้ำตาลทรายในสัดส่วนของโควตา ค.ที่ผ่านมาไม่มีการจัดเก็บค่าธรรมเนียมในการจัดส่ง ประกอบกับราคาน้ำตาลทรายในตลาดโลกมีราคาแพงทำให้ที่ผ่านมามีการลักลอบนำน้ำตาลทรายโควตา ก.เพื่อบริโภคภายในประเทศไปส่งออก ทำให้ปริมาณน้ำตาลทรายเพื่อการบริโภคภายในประเทศมีการตึงตัว
อย่างไรก็ตาม ต้องเร่งหารมาตรการป้องกัน เพื่อไม่ให้ปริมาณในโควตา ก.ลดลงเหมือนช่วงที่ผ่านมา โดยข้อเท็จจริงปริมาณการบริโภคน้ำตาลทรายและใช้ในเชิงอุตสาหกรรม ที่ใช้อยู่มีปริมาณที่เพียงพอ แต่เหตุที่ทำให้เกิดการตึงตัว เนื่องจากมีการลักลอบนำน้ำตาลทรายในโควตา ก.ไปดำเนินการจัดส่ง โดยในวันพรุ่งนี้ จะมีการเรียกห้างค้าปลีกเข้ามาหรือถึงสถานการณ์น้ำตาลทราย และการเก็บค่าธรรมเนียมสินค้าอีกครั้ง
