xs
xsm
sm
md
lg

เหตุปะทะระหว่างประเทศ-ประกาศ พ.ร.บ.มั่นคง กระทบตลาดหุ้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาพประกอบอินเทอร์เน็ต
ปธ.สภาธุรกิจตลาดทุนไทย เตือนนักลงทุนระวังความเสี่ยงที่เป็นตัวแปรต่อดัชนีหุ้นไทย ไม่ว่าจะเป็นเหตุปะทะชายแดนไทยกับเขมร หรือการที่รัฐบาลประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง ซึ่งล้วนส่งผลกระทบต่อในระยะสั้น และการตัดสินใจของนักลงทุน จึงแนะให้ติดตามความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด

วันนี้ (9 ก.พ.) นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย กล่าวว่า ในช่วงนี้มีปัจจัยที่เป็นตัวแปร ซึ่งส่งผลต่อความเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ หลายปัจจัย ทั้งปัจจัยภายในประเทศและจากต่างประเทศ โดยเหตุการณ์สำคัญที่กำลังมีการติดตามอย่างใกล้ชิดจากทุกฝ่าย ได้แก่ เหตุการณ์ระหว่างไทยกับกัมพูชา รวมถึงการประกาศใช้ พ.ร.บ. การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ใน 7 เขตของ กทม.ซึ่งมีผลตั้งแต่วันนี้ (9 ก.พ.) ต่อเนื่องจนถึงวันที่ 23 ก.พ.รวมถึงกลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมือง ที่อาจมีการยกระดับการชุมนุมในวันศุกร์ที่ 11 ก.พ.นี้

“มองว่า ปัจจัยดังกล่าวมีผลกระทบในเชิงจิตวิทยา ซึ่งน่าจะเป็นระยะสั้น และส่งผลให้หุ้นเคลื่อนไหวผันผวน ซึ่งผู้ลงทุนที่ไม่แน่ใจ การเลือกหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีก็จะมั่นใจได้ในระยะยาว หากไม่มีเหตุการณ์ที่ยืดเยื้อ ก็เชื่อว่า ความมั่นใจจะกลับมา อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเศรษฐกิจภายนอกประเทศ ก็ยังนับเป็นตัวแปรสำคัญที่ต้องติดตาม เพราะการที่ปริมาณการซื้อขายของผู้ลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นไทยเริ่มเบาบาง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเริ่มกระจายเงินลงทุนไปยังประเทศอื่น ๆ โดยเฉพาะประเทศที่เศรษฐกิจเริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัว ซึ่งผู้ลงทุนควรติดตามข้อมูลความเคลื่อนไหวในระบบเศรษฐกิจระดับโลกเพิ่มมากขึ้น” นายไพบูลย์ กล่าว

นอกจากนี้ ผู้ลงทุนควรติดตามความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศอย่างใกล้ชิด และควรศึกษาข้อมูลและมุมมองการวิเคราะห์ปัจจัยต่างๆ ของสำนักวิจัยหลายแห่ง เพื่อให้ได้มุมมองที่ครบถ้วน

สำหรับจากข้อมูลสรุปภาวะตลาดหลักทรัพย์ ณ สิ้นเดือนมกราคม 2554 สถิติชี้ให้เห็นว่าการลงทุนตลาดหลักทรัพย์ไทยยังมีความน่าสนใจจากพื้นฐานที่ดี โดยให้อัตราเงินปันผลตอบแทน (Dividend yield) ในเกณฑ์สูงเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาค โดยอยู่ที่ระดับ 3.82%

ด้าน นายศักรินทร์ ร่วมรังษี ผู้ช่วยผู้จัดการ สายงานกำกับตลาด ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จากกรณีที่เกิดเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ในระยะที่ผ่านมานั้น ตลาดหลักทรัพย์ได้ติดตามเรื่องดังกล่าวในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับผลกระทบกับการดำเนิน ธุรกิจของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งจากการติดตาม ณ ขณะนี้ ยังไม่มีบริษัทจดทะเบียนใดที่แจ้งว่าการดำเนินงานได้รับผลกระทบอย่างมีนัย สำคัญที่จะต้องเปิดเผยข้อมูลมายังตลาดหลักทรัพย์ โดยทันที

ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์จะติดตามเหตุการณ์ที่อาจมีผลกระทบกับบริษัทจดทะเบียน และหากมีข้อมูลสำคัญที่บริษัทจดทะเบียนใดจะต้องเปิดเผย จะได้มีการประสานงานเพื่อนำข้อมูลเผยแพร่ให้ผู้ลงทุนทราบต่อไป โดยในช่วงนี้ขอให้ผู้ลงทุนติดตามข่าวสารที่มีผลต่อการตัดสินใจลงทุนอย่างใกล้ชิดด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น