xs
xsm
sm
md
lg

คลังยันขายทิ้งหุ้น 50-60 รัฐวิสาหกิจนอกตลาดหลักทรัพย์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาพประกอบอินเทอร์เน็ต
คลังยันทยอยขายหุ้น 50-60 รัฐวิสาหกิจที่อยู่นอกตลาดหลักทรัพย์ ชี้ ไม่มีความจำเป็นต้องถือพร้อมเดินหน้าบริหาร เนื่องจากหุ้นในตลาดมีความยืดหยุ่น หวังสร้างมูลค่าเพิ่มในพอร์ตลงทุน สร้างความมั่นใจให้ตลาด เชื่อ นักลงทุนไม่ตื่นตระหนก เพราะถือเป็นเรื่องปกติ



วันนี้ (20 ม.ค.) นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กล่าวว่า กระทรวงการคลังจะเดินหน้าขายหุ้นที่ถือครองอยู่ในรัฐวิสาหกิจต่างๆซึ่งไม่ได้อยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ทั้งหมดจำนวน 50-60 รัฐวิสาหกิจ ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง จะเน้นการบริหารพอร์ตการถือครองหุ้นให้มีความยืดหยุ่นเพื่อเป็นการช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับพอร์ตที่มีอยู่แต่ก็ต้อง พิจารณาในเรื่องของความเสี่ยงของผลตอบแทนที่จะได้รับด้วย

“ในหลักการเบื้องต้นได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเรียบร้อยแล้วแต่จะเป็นการทยอยขายออกไป เพื่อไม่ให้กระทบกับตลาดฯอีกทั้งต้องดูถึงความเสี่ยงของผลตอบแทนที่จะได้รับด้วย โดยขณะนี้เห็นว่า การบริหารพอร์ตจะต้องมีความละเอียดมากขึ้น และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับพอร์ตมากขึ้นด้วย”

ทั้งนี้ ในส่วนของหุ้นที่กระทรวงการคลังถือครองและปัจจุบันอยู่ในตลาดหลักทรัพย์นั้น ก็จะบริหารจัดการต่อไป ประกอบด้วย 1.หลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ที่ต้องถือไว้ 2.หลักทรัพย์ที่ต้องขายทิ้ง และ 3.หลักทรัพย์ที่ซื้อเอาไว้บริหารจัดการซื้อและขาย โดยขณะนี้ได้สั่งให้ทีมงานที่บริหารหลักทรัพย์จัดทำตลาดหลักทรัพย์จำลองขึ้นมา เพื่อลองทำการซื้อขายหุ้นในลักษณะที่ไม่กระทบตลาด เพื่อให้มีข้อมูลเกี่ยวกับจุดอ่อน จุดแข็งและยังมีจุดอ่อนขาดตกบกพร่องตรงไหนอย่างไรบ้าง อย่างไรก็ตาม เห็นว่า ถึงแม้ว่ากระทรวงการคลังจะดำเนินการขายหุ้นที่ถือครองอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ แต่ก็คงจะไม่สร้างความตื่นตระหนกให้กับนักลงทุนเพราะถือเป็นการทำธุรกรรมเพิ่มในส่วนที่จะสามารถบริหารหลักทรัพย์ให้มีมูลค่าเพิ่มได้ จึงไม่ถือเป็นเรื่องแปลก

นายสมชัย กล่าวอีกว่า ภายหลังจากที่กระทรวงการคลังขายหุ้นที่ถือครองออกไปแล้วเงินที่ได้มาก็จะนำเข้ากองทุนภายใต้พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการกำกับและพัฒนานโยบายรัฐวิสาหกิจ (พ.ร.บ.สคร.) ซึ่งจะเป็นกฎหมายมาตรการ และกลไกสำหรับ สคร. ในการดูแลและพัฒนาหน่วยงานรัฐวิสาหกิจโดยจะมีการตั้งคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจขึ้นมาอย่างถาวรภายใต้กฎหมายดังกล่าว เนื่องจากปัจจุบันองค์กร สคร.เองก็ไม่มีการตั้งคณะกรรมการถาวรส่งผลให้การผลักดันแผนพลิกฟื้นรัฐวิสาหกิจที่มีปัญหา รวมถึงนโยบายเพิ่มประสิทธิภาพที่ทำผ่านคณะกรรมการกำกับนโยบายรัฐวิสาหกิจ (กนร.) ที่ตั้งขึ้นโดยระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีไม่สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ

“ขณะนี้ร่างกฎหมายเสร็จแล้วและรมว.คลังก็เห็นด้วยซึ่งหากร่าง พ.ร.บ.นี้ผ่านการพิจารณา จะทำให้ กนร.ปัจจุบันอยู่ได้อย่างถาวรในตัวบทกฎหมายฉบับนี้” นายสมชัย กล่าว

อย่างไรก็ตาม พ.ร.บ.สคร.จะประกอบด้วย 2 กองทุน คือ 1.กองทุนบริหารหลักทรัพย์ซึ่งเป็นกองทุนเก่าที่มีอยู่แล้ว และ 2.กองทุนพัฒนารัฐวิสาหกิจซึ่งเป็นกองทุนใหม่เนื่องจากปัจจุบันรัฐวิสาหกิจต้องจ่ายเงินเพื่อจ้างผู้มาประเมินผลงาน ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่สมควรจึงจะตั้งกองทุนขึ้นมาและกำหนดให้กันเงินที่รัฐวิสาหกิจส่งเข้าคลัง 0.5-3% ของรายได้นำส่งรัฐ เพื่อนำมาสมทบเข้ากองทุนนี้และนำมาใช้ในการพัฒนารัฐวิสาหกิจต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น