บลจ.เอ็มเอฟซี เพิ่มทุน "เอ็มเอฟซี ไฮ-ดิวิเดนด์ ฟันด์" เพิ่มอีก 4,000 ล้าน รับดีมานด์ลูกค้าล้น หลังกองทุนโชว์ผลงานปั้นผลตอบแทนสูงสุด 62.81% ในปีเสือ พร้อมจ่ายปันผล เอาใจผู้ถือหน่วยกองทุนต่างประเทศ 4 กองทุน
รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้จดทะเบียนเพิ่มทุนของกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี ไฮ-ดิวิเดนด์ ฟันด์เพิ่มอีก 4,000 ล้านบาท หลังจากมีผู้ถือหน่วยลงทุนให้ความสนใจลงทุนเป็นจำนวนมาก โดยหลังจากบริษัทได้ดำเนินการขอจดทะเบียนเพิ่มเงินทุนของกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี ไฮ-ดิวิเดนด์ ฟันด์แล้ว ทำให้กองทุนรวมดังกล่าวมีเงินทุนของโครงการทั้งสิ้น 5,000 ล้านบาท และสำนักงาน ก.ล.ต. ได้รับจดทะเบียนเพิ่มเงินทุนดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 18 มกราคมที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ในช่วงปี 2553 ที่ผ่านมา กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี ไฮ-ดิวิเดนด์ ฟันด์ ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเพิ่มขึ้น ตามแนวโน้มตลาดหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยล่าสุด กองทุนมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ณ วันที่ 18 มกราคม 2554 อยู่ที่ 1,357.88 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน ในช่วงปี 2553 ที่ผ่านมา กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี ไฮ-ดิวิเดนด์ ฟันด์ ยังสามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงสุดเป็นอันดับ 1 สำหรับกองทุนรวมที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นด้วย โดยกองทุนให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 62.81% ในขณะที่ตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนรวมอยู่ที่ 47.80%
สำหรับจุดเด่นของกองทุนเปิด HI-DIV คือเป็นกองทุนรวมตราสารทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่มีการจ่ายเงินปันผลที่ดีและสม่ำเสมอมาตลอดอย่างน้อย 3 ปีย้อนหลัง หรือมีศักยภาพในการจ่ายเงินปันผลที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเลือกลงทุนหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดี
ในขณะที่ราคาของหุ้นได้ปรับตัวลดลงไปมากกว่ามูลค่าที่แท้จริง และหุ้นที่มีแนวโน้มของธุรกิจที่มีความมั่นคง มีความผันผวนต่ำเมื่อเทียบกับสภาวะเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป นอกจากนี้ กองทุนยังเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารกองทุน และลดความเสี่ยงจากการลงทุนในกรณีที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวลดลง โดยสามารถลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าใน SET50 Index Futures ได้ ทั้งนี้กองทุนมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลอย่างน้อยปีละครั้งในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของรายได้จากการลงทุนสุทธิ หรือจ่ายจากกำไรสะสม
ทั้งนี้ กองทุนเปิด Hi-Div เหมาะสำหรับนักลงทุนประเภทสถาบันที่ต้องการโอกาสได้รับผลตอบแทนจากเงินปันผล ซึ่งได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี นักลงทุนที่ต้องการสร้างโอกาสผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นปัจจัยพื้นฐานดีและมีความผันผวนต่ำตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว นักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนจากมูลค่าเพิ่มของการลงทุน (Capital Gain) และเงินปันผล และนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงจากการลงทุนได้ในระดับปานกลาง
รายงานข่าวระบุเพิ่มเติมว่า นอกจากเพิ่มทุนกองทุนหุ้นในประเทศแล้ว บลจ.เอ็มเอฟซี ยังจ่ายปันผลกองทุนต่างประเทศอีกด้วย โดยเป็นการจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีตั้งแต่ วันที่ 1 มกราคม 2553 - 31 ธันวาคม 2553 ของกองทุนจำนวน 3 กองทุน ซึ่งประกอบด้วย กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี โกลบอล อัลฟ่า ฟันด์ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.16 บาทกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี โกลบอล สมาร์ท ฟันด์ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.15 บาท กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี โกลบอล ออพพอร์ทูนิตี้ บอนด์ ฟันด์ ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.50 บาท โดยทั้ง 3 กองทุน กำหนดให้จ่ายปันผลสำหรับผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีชื่อในวันปิดสมุดทะเบียน ในวันที่ 21 มกราคม 2554 และกำหนดจ่ายเงินปันผล ในวันที่ 28 มกราคม 2554
นอกจากนี้ ยังจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานของกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี โกลบอล อิควิตี้ ฟันด์สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีตั้งแต่ วันที่ 1 มกราคม 2553 - 31 ธันวาคม 2553 ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.25 บาทแก่ผู้ถือหน่วยลงทุนอีกด้วย โดยกำหนดจ่ายเงินปันผล ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2554
รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้จดทะเบียนเพิ่มทุนของกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี ไฮ-ดิวิเดนด์ ฟันด์เพิ่มอีก 4,000 ล้านบาท หลังจากมีผู้ถือหน่วยลงทุนให้ความสนใจลงทุนเป็นจำนวนมาก โดยหลังจากบริษัทได้ดำเนินการขอจดทะเบียนเพิ่มเงินทุนของกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี ไฮ-ดิวิเดนด์ ฟันด์แล้ว ทำให้กองทุนรวมดังกล่าวมีเงินทุนของโครงการทั้งสิ้น 5,000 ล้านบาท และสำนักงาน ก.ล.ต. ได้รับจดทะเบียนเพิ่มเงินทุนดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 18 มกราคมที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ในช่วงปี 2553 ที่ผ่านมา กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี ไฮ-ดิวิเดนด์ ฟันด์ ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเพิ่มขึ้น ตามแนวโน้มตลาดหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยล่าสุด กองทุนมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ณ วันที่ 18 มกราคม 2554 อยู่ที่ 1,357.88 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน ในช่วงปี 2553 ที่ผ่านมา กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี ไฮ-ดิวิเดนด์ ฟันด์ ยังสามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงสุดเป็นอันดับ 1 สำหรับกองทุนรวมที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นด้วย โดยกองทุนให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 62.81% ในขณะที่ตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนรวมอยู่ที่ 47.80%
สำหรับจุดเด่นของกองทุนเปิด HI-DIV คือเป็นกองทุนรวมตราสารทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่มีการจ่ายเงินปันผลที่ดีและสม่ำเสมอมาตลอดอย่างน้อย 3 ปีย้อนหลัง หรือมีศักยภาพในการจ่ายเงินปันผลที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเลือกลงทุนหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดี
ในขณะที่ราคาของหุ้นได้ปรับตัวลดลงไปมากกว่ามูลค่าที่แท้จริง และหุ้นที่มีแนวโน้มของธุรกิจที่มีความมั่นคง มีความผันผวนต่ำเมื่อเทียบกับสภาวะเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป นอกจากนี้ กองทุนยังเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารกองทุน และลดความเสี่ยงจากการลงทุนในกรณีที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวลดลง โดยสามารถลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าใน SET50 Index Futures ได้ ทั้งนี้กองทุนมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลอย่างน้อยปีละครั้งในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของรายได้จากการลงทุนสุทธิ หรือจ่ายจากกำไรสะสม
ทั้งนี้ กองทุนเปิด Hi-Div เหมาะสำหรับนักลงทุนประเภทสถาบันที่ต้องการโอกาสได้รับผลตอบแทนจากเงินปันผล ซึ่งได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี นักลงทุนที่ต้องการสร้างโอกาสผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นปัจจัยพื้นฐานดีและมีความผันผวนต่ำตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว นักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนจากมูลค่าเพิ่มของการลงทุน (Capital Gain) และเงินปันผล และนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงจากการลงทุนได้ในระดับปานกลาง
รายงานข่าวระบุเพิ่มเติมว่า นอกจากเพิ่มทุนกองทุนหุ้นในประเทศแล้ว บลจ.เอ็มเอฟซี ยังจ่ายปันผลกองทุนต่างประเทศอีกด้วย โดยเป็นการจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีตั้งแต่ วันที่ 1 มกราคม 2553 - 31 ธันวาคม 2553 ของกองทุนจำนวน 3 กองทุน ซึ่งประกอบด้วย กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี โกลบอล อัลฟ่า ฟันด์ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.16 บาทกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี โกลบอล สมาร์ท ฟันด์ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.15 บาท กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี โกลบอล ออพพอร์ทูนิตี้ บอนด์ ฟันด์ ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.50 บาท โดยทั้ง 3 กองทุน กำหนดให้จ่ายปันผลสำหรับผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีชื่อในวันปิดสมุดทะเบียน ในวันที่ 21 มกราคม 2554 และกำหนดจ่ายเงินปันผล ในวันที่ 28 มกราคม 2554
นอกจากนี้ ยังจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานของกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี โกลบอล อิควิตี้ ฟันด์สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีตั้งแต่ วันที่ 1 มกราคม 2553 - 31 ธันวาคม 2553 ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.25 บาทแก่ผู้ถือหน่วยลงทุนอีกด้วย โดยกำหนดจ่ายเงินปันผล ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2554