ประเดิมปันผลรับปีเถาะ 2 บลจ.จ่ายรวมกัน 5 กอง "กสิกรไทย"โชว์หรู 2 กองทุนหุ้นกว่า 529 ล้านบาท "เค หุ้นทุน"จ่าย 2 บาทต่อหน่วย ส่วน"รวงข้าวทวีผล"จ่าย 1.64 บาทต่อหน่วย นักลงทุนรอรับพร้อมกัน 14 มกราคมนี้ ฟุ้งผลงานปีที่ผ่านมสุดแจ่มเฉพาะ กองเคหุ้นทุนให้ผลตอบแทนกว่า 59.48% สูงกว่าตลาดหลักทรัพย์เกือบ 19% ด้านบลจ.ทหารไทย จ่าย 3 กองพร้อมกัน 7 มกราคมนี้
นายพัชร สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมทำการจ่ายปันผลกองทุนหุ้นจำนวน 2 กองทุนได้แก่ กองทุนเปิดเค หุ้นทุน (K-EQUITY) และกองทุนเปิดรวงข้าวทวีผล (RKF-HI) จากผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังของปี 2553 ให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีชื่อในสมุดทะเบียนเวลา 8.00 น.ของวันที่ 4 มกราคม 2554
ทั้งนี้ จะทำการจ่ายปันผลพร้อมกันทั้ง 2 กองทุนในวันที่ 14 มกราคม 2554 โดยกองทุน เปิดเค หุ้นทุน (K-EQUITY) จะทำการจ่ายปันผลในอัตรา 2.00 บาทต่อหน่วย คิดเป็น dividend yield ในรอบ 6 เดือนที่ 11.62% และกองทุนเปิดรวงข้าวทวีผล (RKF-HI) พิจารณาจ่ายปันผลในอัตรา 1.64 บาทต่อหน่วย คิดเป็น Dividend Yield ในรอบ 6 เดือน ถึง 21.23%
“การจ่ายปันผลครั้งนี้มีมูลค่ารวมถึง 529.44 ล้านบาท และหากมองที่ผลการดำเนินงานในปีนี้แล้ว กองทุนหุ้นของ บลจ. กสิกรไทย นับว่าให้โอกาสรับผลตอบแทนที่น่าพึงพอใจ โดยเฉพาะกองทุน K-EQUITY ตั้งแต่ต้นปี 2553 ถึง 30 ธันวาคม 2553 ให้ผลตอบแทนประมาณ 59.48% เอาชนะผลการดำเนินงานของตลาดหลักทรัพย์ไปถึง 18.88%"นายพัชรกล่าว
นายพัชร กล่าวอีกว่า การปันผลในแต่ละครั้งสะท้อนให้เห็นว่าบริษัทสามารถรักษามาตรฐานในการบริหารกองทุนให้มีผลการดำเนินงานอยู่ในระดับที่ดี และมีการจ่ายปันผลที่สม่ำเสมอมาตลอด โดยกองทุนเปิดเคหุ้นทุนเป็นกองทุนหุ้นกองทุนแรกของ บลจ. กสิกรไทย ซึ่งมีผลการดำเนินการดำเนินงานตั้งแต่จัดตั้งกองทุนอยู่ที่ 453.79% ขณะที่การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ให้ผลตอบแทนเพียง 50.25% เท่านั้น
นอกจากนี้ยังมีการจ่ายปันผลไปแล้วถึง 16 ครั้ง นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนในปี 2535 มูลค่าเงินปันผลรวม 19.93 บาทต่อหน่วย Dividend Yield สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2553คิดเป็น 17.14%
ส่วนกองทุนเปิดรวงข้าวทวีผล (KFI-HI) ซึ่งจัดตั้งในปี 2536 มีประวัติการจ่ายปันผลรวมทั้งสิ้น 11 ครั้ง มูลค่าเงินปันผลรวมหน่วยละ 6.54 บาท Dividend Yield สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2553 คิดเป็น 28.37%
อย่างไรก็ตาม สำหรับเงินปันผลจากทั้ง 2 กองทุนข้างต้น หากผู้ลงทุนไม่ได้แจ้งความจำนงในให้ บลจ. กสิกรไทยหักภาษี ณ ที่จ่าย 10% ไว้ ผู้ลงทุนจะต้องนำเงินปันผลดังกล่าวไปรวมคำนวณเป็นเงินได้ประจำปีภาษี 2554 ด้วยตนเอง ดังนั้น ผู้ลงทุนในกองทุนที่มีการจ่ายปันผล จึงควรให้ความสำคัญกับการเลือกหักภาษี ณ ที่จ่ายสำหรับเงินปันผล เพื่อลดภาระจากการนำเงินปันผลไปรวมคำนวณเป็นรายได้ในแต่ละปีภาษี โดยผู้ลงทุนเดิมของ บลจ.กสิกรไทย ที่ประสงค์จะเปลี่ยนแปลงให้หักภาษี ณ ที่จ่ายสามารถติดต่อขอแก้ไขข้อมูลได้ที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา
ด้านรายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทหารไทย จำกัด รายงานว่า บริษัทจะดำเนินการจ่ายเงินปันผลกองทุนหุ้น 3 กองทุน ในวันที่ 7 มกราคม 2554 นี้ ให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีรายชื่ออยู่ในสมุดทะเบียนหน่วยลงทุน ณ วันที่ 4 มกราคม 2554
ทั้งนี้ บริษัทจะดำเนินการจ่ายเงินปันผลกองทุนเปิดทหารไทย SET50 ปันผล (สำหรับงวดบัญชีระหว่าง 1 กรกฎาคม - 31 ธันวาคม 2553) ในอัตรา 1.50 บาทต่อหน่วย ขณะที่กองทุนเปิด Jumbo Plus ปันผล หุ้นระยะยาว (สำหรับงวดบัญชีระหว่าง 1 กรกฎาคม - 31 ธันวาคม 2553) จะจ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.75 บาทต่อหน่วย และจะจ่ายเงินปันผลกองทุนเปิด Jumbo 25 ปันผล หุ้นระยะยาว (สำหรับงวดบัญชีระหว่าง 1 กรกฎาคม - 31 ธันวาคม 2553) อัตรา 1.15 บาทต่อหน่วย
สำหรับกองทุนเปิด JUMBO 25 มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 8.22% เทียบกับดัชนีผลตอบแทนรวม SET50 (เปรียบเทียบกับ JUMBO 25) อยู่ที่ 10.01%ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 32.46% เทียบกับดัชนีอยู่ที่ 34.74% และย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 45.84 % เทียบกับดัชนีอยู่ที่ 46.91%
ขณะที่กองทุนเปิดทหารไทย SET50 มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 9.68% เทียบดัชนี SET50 (เปรียบเทียบกับทหารไทย SET50) อยู่ที่ 9.22% ย้อนหลัง6 เดือนอยู่ที่ 34.26% เทียบกับดัชนีอยู่ที่ 32.17% และย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 46.41% เทียบกับดัชนีอยู่ที่ 40.37%
ส่วนกองทุนเปิดทหารไทย SET50 ปันผล มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 9.84% เทียบกับดัชนี SET50 (เปรียบเทียบกับทหารไทย SET50 ปันผล) อยู่ที่ 9.22% และย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 34.23% เทียบกับดัชนีอยู่ที่ 32.17% และย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 46.40% เทียบกับดัชนีอยู่ที่ 40.37%