xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นปันผลซิวแชมป์ยิลด์สูงสุด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สำรวจผลงานกองทุนรวมปีเสือ หุ้นปันผลมาแรง "เอ็มเอฟซี ไฮด์ ดิวิเดนท์" ค่ายเอ็มเอฟซี ซิวแชมป์ผลตอบแทนสูงสุด 62.81% พ่วงกองทุน "I-CHIC" ซิวแชมป์กองทุนต่างประเทศ ด้วยผลตอบแทน 31.44%
 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสำรวจผลการดำเนินงานกองทุนรวมในช่วงปี 2553 ที่ผ่านมา พบว่ากองทุนหุ้นในประเทศ ให้ผลตอบแทนโดดเด่นที่สุด ถึงแม้ว่าในช่วงต้นปี ถึงกลางปีจะประสบกับความผันผวนทางการเมือง จนต่างชาติหายหุ้นออกเป็นจำนวนมาก แต่หลังจากบรรกากาศความรุนแรงคลี่คลายประกอบกับเศรษฐกิจทั่วโลก ส่งสัญญาณฟื้นตัว ทำให้เงินทุนไหลเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง จนส่งผลให้ดัชนีปรับขึ้นมาอยู่เหรือระดับ 1,000 จุดได้ ก่อนที่จะปิดการซื้อขายสิ้นปี ณ ดัชนี 1,032.76 จุด ซึ่งผลให้ช่วงปี 2553 ตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนรวมอยู่ที่ 47.80%

จากแนวโน้มดังกล่าว ส่งผลให้กองทุนรวมหุ้น ได้รับอานิสงค์ไปด้วย ซึ่งจากการสำรวจผลการดำเนินงาน ณ วันที่ 30 ธันวาคม 2553 พบว่า กองทุนหุ้นที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด 5 อันดับแรก ประกอบด้วย 1. กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี ไฮ-ดิวิเดนด์ ฟันด์ (MFC Hi-Dividend) ภายใต้การบริหารจัดการของ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) โดยกองทุนให้ผลตอบแทนสูงสุดถึง 62.81% อันดับ 2. กองทุนเปิดเค สตาร์หุ้นทุนคืนกำไร ของ บลจ.กสิกรไทย ด้วยผลตอบแทน 62.18% อันดับ 3. กองทุนเปิดอยุธยาหุ้นปันผล ของบลจ. อยุธยาด้วยผลตอบแทน 61.8% อันดับ4. กองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นแวลู ภายใต้การบริหารของ บลจ.อยุธยา ด้วยผลตอบแทน 61.17% และอันดับ 5.กองทุนเปิดทีแฟมเอควิตี้ ของบลจ. กสิกรไทย ซึ่งให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 61.16%

ทั้งนี้ หากแยกประเภทเป็นกองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือ แอลทีเอฟ กองทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด 5 อันดับแรก ประกอบด้วย กองทุนเปิดหุ้นระยะยาวอยุธยาปันผล ของบลจ. อยุธยา โดยในปี 2553 กองทุนให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 61.9% อันดับ 2. กองทุนเปิดเค โกรทหุ้นระยะยาวปันผล ของบลจ.กสิกรไทย ด้วยผลตอบแทน 60.86% อันดับ 3. กองทุนเปิดเค หุ้นระยะยาวปันผล ของบลจ.กสิกรไทย ด้วยผลตอบแทน 59.53% อันดับ 4. กองทุนเปิดเค หุ้นระยะยาว ของบลจ.กสิกรไทย ด้วยผลตอบแทน 58.54% และกองทุนเปิดเค 20 ซีเล็คท์หุ้นระยะยาวปันผล ของบลจ.กสิกรไทยอีกเช่นกัน ให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 58.18%

ในขณะที่กองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ พบว่า กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี อินเตอร์เนชั่นแนล ชิค ฟันด์ เอ็มเอฟซี (I-CHIC) ของ บลจ.เอ็มเอฟซี ให้ผลตอบแทนสูงสุดเป็นอันดับหนึ่ง ด้วยผลตอบแทน 31.44% อันดับ 2. กองทุนเปิดธนชาตพรีเมียมแบรนดส์ฟันด์ ของบลจ.ธนชาต ด้วยผลตอบแทน 28.46% อันดับ 3. กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี อินเตอร์เนชั่นนอล โกลด์ ฟันด์ ของบลจ.เอ็มเอฟซี ด้วยผลตอบแทน 25.08% อันดับ 4. กองทุนเปิด เค โกลด์ (K Gold) ของบลจ.กสิกรไทย ด้วยผลตอบแทน 24.58 และอันดับ 5. กองทุนเปิดแอสเซทพลัส โกลด์ ของบลจ.แอสเซทพลัส ด้วยผลตอบแทน 23.64%

ก่อนหน้านี้ นายศุภกร สุนทรกิจ รองกรรมการผู้จัดการ บลจ.เอ็มเอฟซี กล่าวว่า ในปีนี้มองว่า กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ จะเป็นพระเอก ส่วนกองทุนหุ้นเอง ก็ยังน่าจะได้รับความสนใจ แต่มองว่าปีหน้า การลงทุนในหุ้นต่างประเทศจะน่าสนใจมากกว่า โดยเฉพาะหุ้นในประเทศแถบเอเชียที่ยังปรับขึ้นไม่มากเหมือนกับตลาดหุ้นไทย นอกเหนือไปจากนั้น กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานก็เป็นอีกกองทุนหนึ่งที่น่าสนใจในปีนี้ด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น