บลจ.ทหารไทย ชี้ ราคาน้ำมันตลอดทั้งปีนี้ ไม่ต่ำกว่า 90 เหรียญสหรัฐ หลังเกิดปัญหาในตะวันออกกลางและลิเบีย ขณะที่กองออยฟันด์ยิลด์ปรับตัวบวก รวมถึงกองหุ้นกลุ่ม SET50 รับอานิสงส์หุ้นพลังงานปรับตัวขึ้น
นายไพศาล ครุฑดำรงชัย รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทหารไทย จำกัด เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การประท้วงในตะวันออกกลาง ส่งผลให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ระดับประมาณกว่า 100 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล จากเดินที่คาดการณ์กันว่าน่าจะอยู่ที่ระดับ 90 -95 เหรียญสหรัฐ ต่อบาร์เรลโดยประมาณ อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันในระดับปัจจุบันนี้ ถือว่าเป็นระดับราคาที่ควรจะเป็น
ทั้งนี้ส่งผลให้กองทุนเปิดทหารไทย ออยล์ฟันด์ มีผลการดำเนินงานปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยกองทุน ลงทุนอยู่ในกองทุน PowerShares DB Oil Fund ที่เป็นกองทุนรวมอีทีเอฟ ที่มีนโยบายลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ West Texas Intermediate (WTI) ซึ่งในขณะนี้นีกลงทุนส่วนใหญ่เชื่อว่าราคาน้ำมันน่าจะปรับตัวสูงขึ้นไปอีกสะท้อนได้จากการเข้าซื้อสัญญาล่วงหน้าของกองทุน
"จากสถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกกลางและในลิเบีย ส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น และส่งผลให้ทิศทางของราคาน้ำมันตลอดทั้งปีนี้ ไม่น่าจะลดลงไปต่ำกว่าระดับ 90 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล แต่ราคาน้ำมันอาจไม่กระโดดไปสูงหากไม่เกิดวิกฤตที่รุนแรงขึ้นอีก " นายไพศาล กล่าว
นายไพศาล ยังกล่าวว่า ต่อว่าจากราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นมานั้น ส่งผลให้หุ้นในกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นมาด้วยเช่นกันและส่งผลดีต่อกองทุนหุ้นของทหารไทย ทั้งกองทุนเปิด JUMBO 25 กองทุนเปิดทหารไทย SET50 และ กองทุนเปิดทหารไทย SET50 ปันผล ซึ่งมีสัดส่วนการถือหุ้นกลุ่มพลังงานประมาณ 30% ดังนั้นเมื่อราคาน้ำมันมีแนวโน้มปรับสูงขึ้นส่งผลดีต่อกองทุนในกลุ่มนี้ด้วยเช่นกัน
สำหรับกองทุนเปิดทหารไทย ออยล์ฟันด์ ณ วันที่ 8 เม.ย. 2554 มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 18.81% เทียบกับดัชนี Deutsche Bank Liquid Commodity Index (สกุลเงินบาท) อยู่ที่ 19.22% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 30.71% เทียบกับดัชนี อยู่ที่ 30.98% และเมื่อเทียบกับ ดัชนี Deutsche Bank Liquid Commodity Index (สกุลดอลล่าร์สหรัฐ) อยู่ที่ 19.64 และ 30.00% ตามลำดับ
รายงานสถานการณ์น้ำมันสำหรับเดือนเมษายนของสำนักงานพลังงานสากล สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ และโอเปก
ระบุว่า การประท้วงในตะวันออกกลาง มีแนวโน้มลุกลามวงกว้าง ขณะที่การประท้วงทางการเมืองในลิเบียที่ยังคงยืดเยื้อรวมทั้ง สถานการณ์ความไม่สงบในเยเมน ซีเรีย และบาห์เรน ที่มีการลุกฮือประท้วงต่อต้านรัฐบาล ที่อาจส่งผลกระทบต่อปริมาณการผลิตน้ำมันดิบ