ทิสโก้เปิดแผนปีนี้ ตั้งเป้าทั้งกำไรโต 10-15% มั่นใจรักษาส่วนต่างดอกเบี้ยไว้ได้ที่ 3.5-36% แม้เป็นช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น พร้อมเตรียมออกหุ้นกู้อีก 1-2 พันล้านบาท
นายชาตรี จันทรงาม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายควบคุมการเงิน และบริหารความเสี่ยง บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO เปิดเผยว่า ในปีนี้ตั้งเป้ากำไรของกลุ่มทิสโก้จะเติบโตได้ 10-15% แม้ว่าจะอยู่ในช่วงของดอกเบี้ยขาขึ้น แต่คาดว่าธนาคารจะยังรักษาส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิหลังหักสำรองส่วนเกินอยู่ที่ 3.5-3.6% ได้ เนื่องจากทิสโก้ได้ตั้งสำรองส่วนเกินปัจจุบันไว้แล้วที่ 2,400 ล้านบาท ขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL) ก็จะรักษาระดับไว้ไม่ให้เกิน 1.8% ซึ่งใกล้เคียงกับปีก่อน
นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะออกหุ้นกู้ประมาณ 1-2 พันล้านบาท เพื่อนำมาเสริมเงินกองทุนขั้นที่ 1 ให้แข็งแกร่ง ซึ่งยังไม่มีกำหนดระยะเวลาในการออกที่ชัดเจน ต้องจังหวะที่เหมาะสม โดยเฉพาะในเรื่องอัตราดอกเบี้ย
ด้านนางอรนุช อภิศักดิ์ศิริกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป กล่าวว่า ในปีนี้ทิสโก้จะพยายามรักษาอัตราส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิ(สเปรด) หลังหักสำรองส่วนเกินให้อยู่ที่ 3.5-3.6% ซึ่งเป็นระดับที่บริษัทรักษาไว้ได้ต่อเนื่องมา 2 ปีแล้ว ดังนั้นแม้ว่าในปีนี้กลยุทธ์ของกลุ่มจะหันไปเน้นลูกค้ารายใหญ่ ซึ่งอาจจะมีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยไม่มากนัก ก็ไม่น่าจะกระทบกับเป้าหมายที่ตั้งไว้
"ภาพรวมของระบบในปีนี้ สเปรดจะอ่อนตัวลง แต่จะมากน้อยหรือทรงตัว ก็ขึ้นอยู่ยู่ที่ว่าแต่ละธนาคารจะบริหารจัดการอย่างไร"
สำหรับเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อรวมในปีนี้อยู่ที่ 10-15% ซึ่งเป็นแผนงานที่ได้เตรียมพร้อมรองรับภาวะอัตราดอกเบี้ยที่เป็นขาขึ้นไว้เรียบร้อยแล้ว รวมถึงการให้บริการในปีนี้ที่ทิสโก้จะเน้นการทำ Cross Sell หรือการส่งต่อลูกค้าให้กับบริษัทในกลุ่มของทิสโก้ ไม่ว่าจะเป็นบริษัทหลักทรัพย์ทิสโก้ ธนาคารทิสโก้ เป็นต้น โดยการเพิ่มบริการทางการเงินให้กับลูกค้าอย่างครบวงจรและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น
พร้อมกันนั้น กลุ่มทิสโก้ได้ปรับสายงานใหม่ แบ่งออกเป็น 4 สายงาน ได้แก่ กลุ่มลูกค้าบรรษัท (ลูกค้ารายใหญ่และเอสเอ็มอี) สายสินเชื่อรายย่อย สายจัดการธนบดีและกองทุน และ
สาย Corporate Affairs & CSR เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมและบริหารความเสี่ยงได้เป็นอย่างดี
ส่วนทิศทางดำเนินธุรกิจของบริษัทหลักทรัพย์(บล.) ทิสโก้ในปีนี้นั้น จะเน้นเพิ่มลูกค้าต่างประเทศและลูกค้ารายย่อย เนื่องจากลูกค้าสถาบันในประเทศของบริษัทอยู่ในอันดับต้นๆแล้ว ดังนั้น กลยุทธ์ที่จะนำมาใช้ คือการพัฒนาระดับความสัมพันธ์กับดอยช์แบงก์ให้มากยิ่งขึ้นจากเดิมที่ดอยช์แบงก์ทำหน้าที่เพียงส่งบทวิจัยให้กับทิสโก้ คาดว่าจะชัดเจนในช่วงปลายไตรมาส 1 หรือต้นไตรมาส 2 ปีนี้
นายชาตรี จันทรงาม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายควบคุมการเงิน และบริหารความเสี่ยง บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO เปิดเผยว่า ในปีนี้ตั้งเป้ากำไรของกลุ่มทิสโก้จะเติบโตได้ 10-15% แม้ว่าจะอยู่ในช่วงของดอกเบี้ยขาขึ้น แต่คาดว่าธนาคารจะยังรักษาส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิหลังหักสำรองส่วนเกินอยู่ที่ 3.5-3.6% ได้ เนื่องจากทิสโก้ได้ตั้งสำรองส่วนเกินปัจจุบันไว้แล้วที่ 2,400 ล้านบาท ขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL) ก็จะรักษาระดับไว้ไม่ให้เกิน 1.8% ซึ่งใกล้เคียงกับปีก่อน
นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะออกหุ้นกู้ประมาณ 1-2 พันล้านบาท เพื่อนำมาเสริมเงินกองทุนขั้นที่ 1 ให้แข็งแกร่ง ซึ่งยังไม่มีกำหนดระยะเวลาในการออกที่ชัดเจน ต้องจังหวะที่เหมาะสม โดยเฉพาะในเรื่องอัตราดอกเบี้ย
ด้านนางอรนุช อภิศักดิ์ศิริกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป กล่าวว่า ในปีนี้ทิสโก้จะพยายามรักษาอัตราส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิ(สเปรด) หลังหักสำรองส่วนเกินให้อยู่ที่ 3.5-3.6% ซึ่งเป็นระดับที่บริษัทรักษาไว้ได้ต่อเนื่องมา 2 ปีแล้ว ดังนั้นแม้ว่าในปีนี้กลยุทธ์ของกลุ่มจะหันไปเน้นลูกค้ารายใหญ่ ซึ่งอาจจะมีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยไม่มากนัก ก็ไม่น่าจะกระทบกับเป้าหมายที่ตั้งไว้
"ภาพรวมของระบบในปีนี้ สเปรดจะอ่อนตัวลง แต่จะมากน้อยหรือทรงตัว ก็ขึ้นอยู่ยู่ที่ว่าแต่ละธนาคารจะบริหารจัดการอย่างไร"
สำหรับเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อรวมในปีนี้อยู่ที่ 10-15% ซึ่งเป็นแผนงานที่ได้เตรียมพร้อมรองรับภาวะอัตราดอกเบี้ยที่เป็นขาขึ้นไว้เรียบร้อยแล้ว รวมถึงการให้บริการในปีนี้ที่ทิสโก้จะเน้นการทำ Cross Sell หรือการส่งต่อลูกค้าให้กับบริษัทในกลุ่มของทิสโก้ ไม่ว่าจะเป็นบริษัทหลักทรัพย์ทิสโก้ ธนาคารทิสโก้ เป็นต้น โดยการเพิ่มบริการทางการเงินให้กับลูกค้าอย่างครบวงจรและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น
พร้อมกันนั้น กลุ่มทิสโก้ได้ปรับสายงานใหม่ แบ่งออกเป็น 4 สายงาน ได้แก่ กลุ่มลูกค้าบรรษัท (ลูกค้ารายใหญ่และเอสเอ็มอี) สายสินเชื่อรายย่อย สายจัดการธนบดีและกองทุน และ
สาย Corporate Affairs & CSR เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมและบริหารความเสี่ยงได้เป็นอย่างดี
ส่วนทิศทางดำเนินธุรกิจของบริษัทหลักทรัพย์(บล.) ทิสโก้ในปีนี้นั้น จะเน้นเพิ่มลูกค้าต่างประเทศและลูกค้ารายย่อย เนื่องจากลูกค้าสถาบันในประเทศของบริษัทอยู่ในอันดับต้นๆแล้ว ดังนั้น กลยุทธ์ที่จะนำมาใช้ คือการพัฒนาระดับความสัมพันธ์กับดอยช์แบงก์ให้มากยิ่งขึ้นจากเดิมที่ดอยช์แบงก์ทำหน้าที่เพียงส่งบทวิจัยให้กับทิสโก้ คาดว่าจะชัดเจนในช่วงปลายไตรมาส 1 หรือต้นไตรมาส 2 ปีนี้