xs
xsm
sm
md
lg

“อภิสิทธิ์” เปิดหลักฐานใหม่รายงานพระบรมฯ ยัน “วอลเตอร์บาว” ไม่มีสิทธิฟ้อง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ  (แฟ้มภาพ)
“มาร์ค” เผยแผนต่อสู้คดีอายัดเครื่องบินส่วนพระองค์ พบหลักฐานใหม่ชนวอลเตอร์บาว ชี้เอกสารแนบท้ายสัญญาระหว่างดอนเมืองโทลล์เวย์-วอลเตอร์บาว บ่งชัดผู้ร่วมทุนไม่มีสิทธิฟ้อง เผยท่าที ครม.ส่วนใหญ่เห็นด้วยที่จะให้สู้คดีต่อ แต่ติดที่มีแถลงการณ์สำนักพระราชวังออกมา โร่เข้าถวายรายงานพระบรมฯ หาแนวทางไม่ให้ขัดแย้งกัน

เมื่อวันที่ 1 ส.ค.54 หลังจากที่สำนักงานราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราสฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้แถลงการณ์เรื่อง การอายัดเครื่องบินพระที่นั่งส่วนพระองค์ของพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร จากกรณีพิพาทระหว่างรัฐบาลไทยกับบริษัท Walter Bau AG (วอลเตอร์ บาว) โดยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงมีพระราชกระแสและพระราชปณิธาน ที่จะทรงตอบแทนพระคุณแผ่นดินไทย และทรงใช้หนี้บุญคุณให้แก่ประเทศชาติ ในพระราชฐานะที่ทรงเป็นประชาชนชาวไทยพระองค์หนึ่ง และทรงเป็นองค์สยามมกุฎราชกุมารของประเทศไทย อีกทั้งมิให้เกิดผลกระทบต่อความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศไทยและสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และเพื่อให้ข้อพิพาทดังกล่าวจบลงด้วยดี และรวดเร็ว จึงจะพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เพื่อนำไปใช้ในการระงับข้อพิพาทดังกล่าว ทั้งนี้ ไม่ทรงปรารถนาที่จะให้มีพระนามาภิไธยไปเกี่ยวข้องกับข้อพิพาท และมิให้เป็นที่เสื่อมเสียต่อพระเกียรติยศนั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุม ครม.นัดพิเศษเมื่อวันจันทร์ที่ 1 ส.ค. ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้มีการหยิบยกและเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าหารือถึงการดำเนินการเกี่ยวกับข้อพิพาทกรณีเยอรมนีอายัดเครื่องบินส่วนพระองค์ เป็นเวลากว่า 1 ชม. โดยนายอภิสิทธิ์กล่าวต่อที่ประชุม ครม.ว่า ได้มีแถลงการณ์ออกมาในเวลา 04.00 น.

ทั้งนี้ ในที่ประชุม ครม. นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุด ได้ชี้แจงและขออนุมัติเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการดำเนินการของกระทรวงการต่างประเทศ และอัยการสูงสุด เช่น ค่าจ้างทนายความ ค่าธรรมเนียมศาลในการต่อสู้คดี เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ครม.ได้อนุมัติให้เพียงงบประมาณในส่วนของค่าจ้างทนายและค่าธรรมเนียมศาลประมาณ 30 ล้านบาท แต่ไม่มีการอนุมัติวงเงินวางประกันเพื่อการถอนอายัดเครื่องบิน วงเงิน 850 ล้านแต่อย่างใด โดยครม.ส่วนใหญ่มีความเห็นว่าบริษัท วอลเตอร์ บาว ไม่มีสิทธิที่จะไปฟ้องร้อง

ขณะที่ในส่วนของค่าธรรมเนียมศาล 3 แสนยูโร คัดค้านการอายัดเครื่องบินทางสถานทูตได้มีการจ่ายสำรองไปก่อนแล้ว ส่วนค่าทนายคัดค้านการอายัด 267,618 ยูโร และค่าใช้จ่ายในการต่อสู้คดีศาลเมืองลานชูตส์ หรือคดีที่รัฐบาลจะฟ้องวอลเตอร์ บาว จำนวน 10 ล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อีกว่าอัยการสูงสุดได้รายงานว่าการต่อสู้คดีดังกล่าว มีการวางแนวทางและประเด็นที่จะต่อสู้เอาไว้แล้ว โดยทางฝ่ายไทยเห็นว่าบริษัท วอลเตอร์ บาว ในฐานะผู้ร่วมทุนของบริษัท ดอนเมืองโทลล์เวย์ ไม่น่าจะมีสิทธิไปฟ้อง และดำเนินการในขั้นอนุญาโตตุลาการ แต่เขาก็ไปฟ้องร้อง โดยไม่ได้ฟ้องว่าฝ่ายไทยผิดสัญญา แต่เขาใช้สิทธิฟ้องตามสนธิสัญญาร่วมทุน แต่เราก็เห็นว่าบริษัท วอลเตอร์ บาว ไม่น่ามีสิทธิฟ้อง เพราะเป็นแค่ผู้ร่วมทุนของ บ.ดอนเมืองโทลล์เวย์เท่านั้น ซึ่งเรามีหลักฐานใหม่ที่เชื่อมั่นว่าจะสามารถไปโต้แย้งหักล้างได้ เพราะมีเอกสารแนบท้ายสัญญาร่วมทุนระหว่างบริษัท วอลเตอร์ บาว กับบริษัท ดอนเมือง โทลล์เวย์ ที่เขียนเอาไว้ว่า บริษัท วอลเตอร์ บาว ในฐานะแค่ผู้ร่วมทุนจะไม่มีสิทธิไปฟ้องร้องได้ ซึ่งการดำเนินการตอนนี้เราอยากจะพูดคุยเจรจากับทางเจ้าหนี้ของบริษัท วอลเตอร์ บาวมากกว่า เราก็สงสัยว่าในเมื่อบริษัท วอลเตอร์ บาว ก็ล้มละลายไปแล้ว แต่ทำไมจึงมีสิทธิฟ้องได้ ดังนั้นจึงต้องไปคุยกับเจ้าหนี้ซึ่งมีหลายราย แต่รายใหญ่สุดคือ ดอยช์แบงก์ ซึ่ง ครม.จึงได้ให้กระทรวงการคลังไปประสานงานเพื่อการเจรจากับทางดอยช์แบงก์

ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ได้ย้ำหลักการว่า บริษัท วอลเตอร์ บาว ไม่ใช่คู่กรณี ทำไมจึงมสิทธิฟ้อง ถ้าเป็นอย่างนี้กรณีที่มีคนต่างชาติมาซื้อหุ้นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ก็จะถือเป็นผู้ร่วมทุนแล้วก็จะไปมีสิทธิฟ้องหรือ ซึ่งในที่สุด ครม.ส่วนใหญ่ก็มีท่าทีเห็นด้วยที่จะให้สู้คดีต่อ แต่ยังไม่มีมติเพื่อมอบอำนาจใดๆ ให้อัยการสูงสุดไปดำเนินการได้ เนื่องจากเมื่อแถลงการณ์ของสำนักราชเลขาธิการสำนักพระราชวังออกมาจึงต้องพิจารณาว่าจะทำอย่างไรที่จะไม่ให้ขัดแย้งต่อการที่มีแถลงการณ์สำนักพระราชวังออกมา

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า ภายหลังประชุม ครม. นายกฯ ยังได้มีการหารือนอกรอบร่วมกับนายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุด นายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศ นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง อารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง นางวลัยรัตน์ ศรีอรุณ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ และเลขาธิการ ครม.ต่ออีกเกือบ 1 ชม.

จากนั้นในเวลา 15.00 น. นายกรัฐมนตรี และอัยการสูงสุด ได้เดินทางเฝ้าฯ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เพื่อถวายรายงานในเรื่องดังกล่าว ขณะที่นายกฯ เองกล่าวในที่ประชุมด้วยว่าอาจจะต้องมีการประชุม ครม.อีกรอบหนึ่ง
กำลังโหลดความคิดเห็น