xs
xsm
sm
md
lg

นิด้าแนะใช้แผนเชิงรุกฟื้น ศก.ไทย ยันนั่งรอให้การเมืองนิ่งไม่ได้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผู้เชี่ยวชาญ ศก.ค่าย "นิด้า" แนะรัฐปรับยุทธศาสตร์เชิงรุกฟื้น ศก.ไทย คุมการใช้งบฯ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด-ไม่ก่อหนี้เพิ่ม ห่วงแนวคิด รอให้การเมืองนิ่งแล้วค่อยแก้ปัญหา ศก. ไม่ใช่แนวทางที่ถูกต้อง พร้อมเสนอให้ฉวยจังหวะ ศก.สหรัฐฯ-ยุโรป ที่กำลังเกิดวิกฤตให้เป็นโอกาส ดันไทยสู่เกตเวย์เอเชีย รับกระแส Go East มาแรง

นายวรพล โสคติยานุรักษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) กล่าวถึงการใช้นโยบายดูแลเศรษฐกิจไทย โดยระบุว่า รัฐบาลต้องพลิกบทบาทโดยใช้นโยบายเชิงรุกมากขึ้น แม้ปัจจัยการเมืองจะมีส่วนช่วยชี้ชะตาเศรษฐกิจ เพราะมีผลต่อการกำหนดและผลักดันนโยบายด้านเศรษฐกิจก็ตาม แต่การจะรอให้การเมืองนิ่งก่อนแล้วค่อยแก้ปัญหาเศรษฐกิจนั้น ย่อมไม่ใช่แนวทางที่ถูกต้อง เพราะทุกคนต่างอยากให้การเมืองนิ่ง แต่การแก้ปัญหาเศรษฐกิจก็ต้องทำควบคู่กันไป

สำหรับปัญหาเศรษฐกิจที่เป็นความเสี่ยงสำคัญของประเทศในขณะนี้ คือ ปัญหาด้านการคลังซึ่งมีผลจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐต้องกู้เงินจำนวนมากมาลงทุน การตั้งงบประมาณรายจ่ายแบบขาดดุลในปี 2554 ทำให้หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น ซึ่งจะกระทบต่อความเชื่อมั่นของประเทศหากเศรษฐกิจโลกไม่ฟื้นตัวตามคาด

ดังนั้น รัฐบาลต้องกำหนดยุทธศาสตร์ของประเทศโดยลงทุนอย่างคุ้มค่าสอดคล้องตามยุทธศาสตร์ และไม่ก่อหนี้เพิ่ม รวมทั้งการคุมรายจ่ายอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะสวัสดิการต่างๆ และนโยบายประชานิยม นอกจากนี้ รัฐบาลจะต้องลดบทบาทของภาครัฐในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และหันมาขับเคลื่อนผ่านเอกชนและรัฐวิสาหกิจให้มากขึ้น

พร้อมกับมองว่า จากนี้ไปการใช้จ่ายเงินของรัฐจะต้องเกิดประโยชน์อย่างคุ้มค่า ไม่รั่วไหล และเป็นการลงทุนที่มียุทธศาสตร์จึงจะยกระดับความสามารถของประเทศขึ้นได้ ซึ่งการเลือกโครงการลงทุนถือว่ามีความสำคัญมาก โดยต้องเลือกลงทุนในโครงการที่ก่อให้เกิดการหมุนของเงินได้หลายรอบ

นายวรพล กล่าวอีกว่า จากปัญหาเศรษฐกิจระดับโลกที่ยังไม่เห็นสัญญาณการฟื้นตัวที่มั่นคงเพียงพอ โดยเฉพาะความกังวลล่าสุดต่อเศรษฐกิจในยุโรปที่หลายประเทศใช้มาตรการการคลังกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งผลให้หนี้สาธารณะสูงขึ้น จนอาจทำให้หลายประเทศในสหภาพยุโรปเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหม่นั้น ปัญหาที่เกิดขึ้นดังกล่าวทั้งยุโรปและสหรัฐฯ อาจเป็นโอกาสของประเทศในแถบเอเชีย

ดังนั้น รัฐบาลควรกำหนดยุทธศาสตร์ของประเทศให้สอดคล้องกับทิศทางดังกล่าว ในฐานะที่ไทยได้เปรียบเชิงภูมิศาสตร์ตั้งอยู่ศูนย์กลางของเอเชีย มีประชาชนมากกว่าครึ่งหนึ่งของโลก ไทยจึงต้องวางยุทธศาสตร์ในการเป็นศูนย์กลางแห่งภูมิภาคเอเชีย เช่นศูนย์กลางโลจิสติกส์, ศูนย์กลางการท่องเที่ยว ซึ่งจะทำให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนใช้ไทยเป็นฐานการผลิตและส่งออกสินค้าไปยังประเทศต่างๆ ในทวีปเอเชียมากขึ้น

"การจะเป็นศูนย์กลางหรือเกตเวย์ได้ จะต้องเร่งลงทุนพัฒนาเครือข่ายด้านการขนส่งให้ครอบคลุมทั่วประเทศ และเชื่อมต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้าน สร้างแรงจูงใจด้านภาษีให้แก่ผู้ลงทุน เพื่อให้เกิดความสามารถในการแข่งขันกับประเทศในภูมิภาคนี้ เป็นการรองรับกระแสมุ่งตะวันออก (Go East) ซึ่งเป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และยุโรปที่ตกต่ำลง" นายวรพล กล่าวสรุป
กำลังโหลดความคิดเห็น