xs
xsm
sm
md
lg

คาด "เฟด" คง ดบ.ที่ 0-0.25% ศก.สหรัฐฯ ยังฟื้นตัวเปราะบาง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์วิจัยกสิกรฯ คาดที่ประชุม "เฟด" สัปดาห์นี้ มีมติคง ดบ.นโยบายที่ 0-0.25% แม้ราคาน้ำมัน-สินค้าปรับสูงขึ้น เนื่องจากสัญญาณการฟื้นตัว ศก.สหรัฐฯ ยังเปราะบาง และต้องใช้เวลาอีกนาน พร้อมเตือนนักลงทุนระวังความเสี่ยง

บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เผยรายงานคาดการณ์ผลการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันที่ 23-24 มิถุนายน 2552 นี้ โดยเชื่อว่า เฟดจะมีมติให้ยืนอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Fed Funds) ไว้ที่กรอบ 0.00-0.25% ตามเดิม และคาดว่า เฟดน่าจะยังระบุในแถลงการณ์ว่าจะยังคงเดินหน้านโยบายเชิงปริมาณในตลาดสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง แม้จะเริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวดีขึ้นของเครื่องชี้เศรษฐกิจในบางภาคส่วน แต่การฟื้นตัวก็ยังคงมีความเปราะบาง และยังไม่ได้กระจายไปอย่างทั่วถึงและครอบคลุมทุกภาคส่วน ซึ่งคงจะต้องอาศัยเวลาอีกนานพอสมควรกว่าที่จะมั่นใจได้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ เพื่อลดกระแสการคาดการณ์ต่อภาวะเงินเฟ้อและแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย คาดว่า เฟดคงจะระบุในแถลงการณ์ด้วยว่า แม้ราคาน้ำมันและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกอาจมีแนวโน้มขยับขึ้น แต่ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อยังอยู่ภายใต้การจัดการ และเฟดจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อให้พร้อมดูแลความเสี่ยงทั้งด้านเศรษฐกิจและเงินเฟ้อได้อย่างเหมาะสมต่อไป

ศูนย์วิจัยกสิกรฯ ประเมินว่า จากการคาดการณ์ถึงภาวะเงินเฟ้อและการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดที่เกิดขึ้นในจังหวะเวลาที่เร็วเกินไป อาจเป็นการซ้ำเติมหรือทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ต้องล่าช้าออกไปอีก และแม้ว่าผลการประชุมนโยบายและแถลงการณ์ของเฟดน่าที่จะเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ แต่การปรับตัวของตลาดเงินและตลาดทุนนับจากนี้คงจะขึ้นอยู่กับข่าวดีและร้ายเกี่ยวกับการปรับตัวของเครื่องชี้เศรษฐกิจสหรัฐฯ รวมถึงทิศทางของราคาน้ำมันและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลก

โดยหากเครื่องชี้เศรษฐกิจที่จะทยอยรายงานออกมายังคงสามารถรักษาโมเมนตัมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้อย่างต่อเนื่อง ตลาดการเงิน โดยเฉพาะตลาดพันธบัตรสหรัฐก็คงจะปรับตัวไปในทิศทางที่สะท้อนถึงการคาดการณ์ต่อภาวะเงินเฟ้อและการถอยออกจากนโยบายการเงินผ่อนคลายของเฟดในระยะที่เร็วขึ้น แต่หากมีข่าวร้ายหรือการรายงานเครื่องชี้เศรษฐกิจที่หดตัวลงไปอีกเกิดขึ้น ตลาดก็คงจะเลื่อนการคาดการณ์ต่อภาวะเงินเฟ้อและแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดออกไปจากเดิม ซึ่งจะมีผลให้ทิศทางตลาดเงินและตลาดทุนโลก ทั้งอัตราแลกเปลี่ยน ตลาดหุ้น ตลาดพันธบัตร และตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ คงจะยังมีแนวโน้มปรับตัวผันผวนอย่างต่อเนื่องในระยะข้างหน้า และส่งผลให้ตลาดการเงินไทยคงจะประสบกับภาวะผันผวนอย่างยากที่จะหลีกเลี่ยง

ทั้งนี้ ผู้ลงทุนจึงควรระมัดระวังและมีการป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดอย่างสม่ำเสมอ และคงยังต้องติดตามการตอบรับต่อการเสนอขายพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็งของกระทรวงการคลังช่วงกลางเดือนกรกฎาคม 2552 นี้ รวมถึงแผนการกู้เงินของรัฐบาลที่จะมีผลต่อสภาพคล่อง และการคาดการณ์ถึงแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในตลาดการเงินไทยในระยะถัดไปด้วยเช่นกัน สะท้อนได้จากการที่ธนาคารพาณิชย์เริ่มจะมีการล็อคเงินทุนด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำระยะยาวบางประเภทและการออกผลิตภัณฑ์เงินออมผ่านโครงการต่างๆ บ้างแล้ว แม้ว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) น่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.25% เพื่อช่วยประคับประคองการฟื้นตัวของเศรษฐกิจก็ตาม
กำลังโหลดความคิดเห็น