"ไอเอ็มเอฟ" ออกโรงเตือนรัฐบาลเวียดนาม ต้องสร้างความเชื่อมั่นในเงินด่อง-ปรับปรุงดุลการชำระเงิน หากต้องการให้ ศก.ขยายตัวเกิน 6% ขณะที่ยอดขาดดุลการค้าปี 52 มากเป็นประวัติการณ์ที่ 1.225 หมื่นล้านดอลลาร์ กดดันให้มีการลดค่าเงิน ขณะที่นักลงทุนขาดความเชื่อมั่น หันซื้อเงินดอลลาร์-ทองคำ เพื่อลดความเสี่ยง
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) กล่าวถึงภาวะตลาดเงินในเอเชียที่ได้รับผลกระทบจากการลดค่าเงินของประเทศเวียดนาม โดยระบุว่า เวียดนามควรต้องปรับปรุงดุลการชำระเงิน และต้องสร้างความมั่นใจในเงินด่อง จึงจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวได้อย่างน้อย 6% ในปีนี้
โดยเมื่อปีที่แล้ว เศรษฐกิจเวียดนามขยายตัวช้าสุดในรอบทศวรรษ ที่ระดับ 5.3% ขณะเดียวกัน ก็มียอดขาดดุลการค้ามากเป็นประวัติการณ์ที่ 1.225 หมื่นล้านดอลลาร์ นอกจากนั้นยังถูกกดดันให้ต้องลดค่าเงินด่องลง เนื่องจากชาวเวียดนามซื้อเงินดอลลาร์และทองคำกันมากขึ้น
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของ IMF ประจำกรุงฮานอย กล่าวว่า ดุลการชำระเงินจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่กำหนดอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจในปีนี้ หลังจากเมื่อปีที่แล้ว มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลได้ส่งผลเสียอย่างหนักต่อดุลการชำระเงิน จนอาจทำให้เศรษฐกิจของเวียดนามขาดเสถียรภาพ
มีรายงานเพิ่มเติมว่า เงินด่องซื้อขายที่ระดับ 18,474 ด่องต่อดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (ตามเวลาท้องถิ่น) ขณะที่รัฐบาลจะยอมให้เงินด่องแข็งหรืออ่อนค่าไม่เกิน 3% ของระดับอัตราอ้างอิงที่ตั้งไว้ในแต่ละวัน
