xs
xsm
sm
md
lg

กองทุนรวมปี52โตพรวด16.8% ตลท.ออกโรงหนุนเต็มที่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายกสมาคมบลจ.เผย AUM อุตสหกรรมกองทุนเพิ่มขึ้น 16.8% หรือคิดเป็นเงินกว่า 1.79 ล้านล้านบาท เพิ่มจากปี 51 ที่มีสินทรัพย์รวมทั้งอุตสหกรรมเพียงเเค่ 1.53 ล้านล้าน สะท้อนนักลงทุน สนใจออมเงินผ่านกองทุนมากขึ้น ส่วนตลาดหลักทรัพย์ฯรับลูก เตรียมจัดงาน "ตลาดนัดกองทุนรวม" ตลอดปี 2553 เอาใจลูกค้ากองทุนรวม

นางวรวรรณ ธาราภูมิ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บัวหลวง จำกัด ในฐานะนายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) เปิดเผยว่า ปัจจุบันธุรกิจกองทุนรวมมีสินทรัพย์สุทธิ ณ วันที่ 27 พ.ย. 52 เพิ่มขึ้นเป็น 1.79 ล้านล้านบาท จากสิ้นปี2551 ที่ 1.53 ล้านล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 16.8% หากนับเม็ดเงินลงทุนที่เพิ่มขึ้นสุทธิตั้งแต่ต้นปีถึงเดือนก.ย.2552

พบว่าธุรกิจกองทุนรวมยังคงมีเม็ดเงินสุทธิเพิ่มขึ้น 133,000 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นสุทธิในส่วนของกองทุนตราสารหนี้ที่มีเม็ดเงิน ลงทุนเพิ่มขึ้น 141,000 ล้านบาท

ในขณะที่กองทุนหุ้นและกองทุนผสมมีเม็ดเงินสุทธิลดลง 3,000 ล้านบาท และ 5,100 ล้านบาท ตามลำดับ อย่างไรก็ตามหากมองในแง่ของการเติบโตของธุรกิจกองทุนรวมในส่วนของกองทุนหุ้น แล้วพบว่ายังคงมีการเติบโตอยู่โดยมีสินทรัพย์สุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 0.32 ล้านล้านบาท จากสิ้นปี2551 ที่ 0.26 ล้านล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 23.8% ซึ่งการเติบโตส่วนใหญ่เป็นผลมาจากราคาหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นสำคัญ

ทั้งนี้ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ในช่วง 9 เดือนแรกของปี2552 มียอดซื้อเข้ามาประมาณ 8,500 ล้านบาท มียอดขาย 6,700 ล้านบาท รวมเป็นยอดซื้อสุทธิเข้ามาประมาณ 835 ล้านบาท และกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) มียอดซื้อเข้ามา ประมาณ 6,100 ล้านบาท และยอดขายประมาณ 6,000 ล้านบาท เหลือเป็นยอดซื้อสุทธิประมาณ 84 ล้านบาท ซึ่งยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยนักลงทุนที่ลงทุนครบตามเงื่อนไขบางส่วนมีการขายออกไปแต่เชื่อมั่นว่านักลงทุนกลุ่มที่เคยลงทุนอยู่เดิมแล้วจะกลับเข้ามาลงทุนใหม่อย่างต่อเนื่อง

นางวรวรรณ ยังกล่าวอีกว่า ในแง่ของการเติบโตของกองทุน RMF และกองทุน LTF ทั้งระบบยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน กองทุน RMF มีสินทรัพย์สุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 4.95 หมื่นล้านบาท จากสิ้นปี2551 อยู่ที่ 3.95 หมื่นล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 25.2% ในขณะที่กองทุน LTF มี สินทรัพย์สุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 6.8 หมื่นล้านบาท จากสิ้นปี2551 ที่ 4.55 หมื่นล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 50.7%

ทั้งนี้ จำนวนผู้ถือหน่วยลงทุน (ณ 30 มิ.ย. 52) มีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 2.18 ล้านบัญชี จากสิ้นปี2551 ที่ 2.10 ล้านบัญชี หรือเพิ่มขึ้น 4.0% ซึ่งหากมองเฉพาะในส่วนของกองทุน RMF พบว่ามีผู้ถือหน่วยเพิ่มขึ้นเป็น 2.38 แสนบัญชี จากสิ้นปี2551 ที่ 2.32 แสนบัญชี หรือเพิ่มขึ้น 2.0% ในขณะที่จำนวนผู้ถือหน่วยกองทุน LTF เพิ่มขึ้นเป็น 3.47 แสนบัญชี จากสิ้นปี2551 ที่ 3.24 แสนบัญชี หรือเพิ่มขึ้น 7.2%

“ส่วนเงินฝากแบงก์ตั้งแต่ต้นปีถึงเดือนก.ย.2552 ปรับตัวลดลงเหลือ 6.97 ล้านล้านบาท จากสิ้นปี2551 อยู่ที่ 7.15 ล้านล้านบาท หรือลดลงประมาณ 0.187 ล้านล้านบาท หรือลดลงประมาณ 2.6% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการลดลงในส่วนของเงินฝากประจำ 3 เดือน และ 6 เดือน ซึ่งผู้ฝากเงินหันมาลงทุนในกองทุนตราสารหนี้มากขึ้นในช่วงที่ผ่านมาซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าผู้ฝากเงินเริ่มเรียนรู้ที่จะลงทุนในรูปแบบอื่นเพิ่ม มากขึ้นซึ่งเป็นเรื่องที่ดีและต้องพยายามให้ความรู้กับนักลงทุนอย่างต่อ เนื่องต่อไปเพื่อให้เขามีทางเลือกในการลงทุนเพิ่มขึ้นในอนาคต” นางวรวรรณ กล่าว

ทางด้านนางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย รองผู้จัดการ สายงานการตลาดและงานบริการหลังการซื้อขายหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า โครงการให้เงินทำงานผ่านกองทุนรวมที่จัดขึ้นตั้งแต่ปี2546 นับเป็นเวลา 7 ปี และกำลังย่าวเข้าสู่ปีที่ 8 นั้น ประสบความสำเร็จด้วยดีในการสร้างทรรศนคติที่ถูกต้องเกี่ยวกับประโยชน์ของ ระบบกองทุนรวม

โดยนับตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันมีกลุ่มนักลงทุนที่เข้ามาลงทุนผ่านโครงการนี้ เพิ่มขึ้นประมาณ 17,000 ราย และในทุกครั้งที่มีการจัดกิจกรรมออกบูธต่างๆ ก็สามารถจะระดมเม็ดเงินลงทุนได้ประมาณ 3, ล้านบาท ต่อครั้งทีเดียว

อย่างไรก็ตามตลาดหลักทรัพย์ยังอยากจะเพิ่มสัดส่วนนักลงทุนสถาบันในตลาดหุ้นให้เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่มีสัดส่วนนักลงทุนสถาบันลงทุนในหุ้นประมาณ 10% เท่านั้น อยากจะเพิ่มขึ้นเป็น 12-15% ให้ได้ ในอนาคต เพราะสัดส่วนการลงทุนในหุ้นของนักลงทุนสถาบันไทยยังค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบ กับประเทศอื่น

โดยในปี2553 ตลาดหลักทรัพย์ยังตั้งเป้าที่จะขยายฐานผู้ลงทุนในกองทุนรวมเพิ่มขึ้นรวมทั้ง ให้กลุ่มผู้ถือหน่วยเดิมลงทุนเพิ่มขึ้นด้วย โดยจะจัดกิจกรรมการตลาดภายใต้แนวคิดกองทุนรวม ใช้เงินน้อย ทยอยออมเพื่อสร้างความสนใจและกระตุ้นการลงทุนตลอดทั้งปีด้วยกิจกรรมกองทุน รวม 3 มุม Mall โดยจะจัดครั้งที่1 ที่สยามพารากอน 1-4 ก.ค. 53 ครั้งที่2 ที่ The Mall บางแค 16-21 ก.ย. 53 และครั้งที่ 3 ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิล์ด 15-18 ธ.ค. 53 พร้อมทั้งกิจกรรมการตลาดที่ตลาดหลักทรัพย์จะจัดขึ้น เช่น งาน SET in the City และ Money Expo เป็นต้น
กำลังโหลดความคิดเห็น