นายกสมาคม บลจ. ลุ้นสิ้นปี เงินไหลเข้าอุตสาหกรรมไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นล้าน ระบุ "แอลทีเอฟ-อาร์เอ็มเอฟ" เป็นตัวนำ พร้อมย้ำ ปัญหาดูไบเวิลด์ไม่กระทบเศรษฐกิจ แต่กระทบต่อจิตใจนักลงทุนระยะสั้น แนะระมัดระวังมากขึ้น
นางวรวรรณ ธาราภูมิ นายกสมาคมบริษัทจัดการกองทุนรวม (สมาคม บลจ.) และกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บัวหลวง จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงที่เหลือของปี 2553 นี้ คาดว่าหลาย ๆ บลจ. เองจะมีการเน้นการออกผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ออกมาเพื่อให้ตรงตามความต้องการของกลุ่มเป้าหมายของตนเอง นอกจากนี้ ยังเชื่อว่าจะออกมาทำการตลาดเพื่อกระตุ้นให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพหรือ อาร์เอ็มเอฟ และกองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือ แอลทีเอฟด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ คาดว่าในช่วงสิ้นปีนี้จะมีเม็ดเงินไหลเข้ามาทั้งระบบอุตสาหกรรมกองทุนรวมไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท โดยในช่วงสิ้นเดือนธันวาคม 2552 นี้คาดว่าเม็ดเงินดังกล่าวจะได้จากกองทุนรวมอาร์เอ็มเอฟ รวมถึงกองทุนรวมแอลทีเอฟ และกองทุนหุ้นเป็นหลัก
“การลงทุนทั้งของเราและของหลาย ๆ บลจ.ขณะนี้ คงมีการเน้นออกกองทุนให้เหมาะสมแก่นักลงทุน ขณะเดียวกัน เชื่อว่าหลาย ๆ บลจ.เองยังคงต้องออกมากกระตุ้นยอดขายในกองทุนรวมอาร์เอ็มเอฟและแอลทีเอฟ รวมถึงกองทุนหุ้นด้วย ซึ่งคาดว่าในสิ้นปีนี้จะมีเงินไหลเข้ามาทั้งระบบอุตสาหกรรมกองทุนรวมไม่ต่ำกว่า 10,000 – 20,000 ล้านบาท” นางวรวรรณ กล่าว
นางวรวรรณ กล่าวต่อไปว่า จากภาวะเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าเริ่มมีการปรับตัวดีขึ้นภายหลังจากที่ภาครัฐทั้งในประเทศและต่างประเทศต่างมีการอัดเม็ดเงินอย่างเต็มที่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้พลิกฟื้นกลับมาดีขึ้น ซึ่งก็ถือว่าเป็นผลดี แต่การอัดเม็ดเงินมาก ๆ เช่นนี้ มันมีการกระจายการลงทุนไปอย่างกว้างขวาง จนไม่สามารถมองความชัดเจนได้ ซึ่งคาดว่าในปีหน้าสิ่งที่รัฐบาลกระตุ้นไปจะสามารถเห็นภาพที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ส่วนปัญหาในปัจจุบันที่เกี่ยวกับเรื่องบริษัทดูไบ เวิลด์ บริษัทเพื่อการลงทุนของทางการดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือ ยูเออีประกาศเลื่อนชำระหนี้นั้น บริษัทเชื่อว่าไม่กระทบต่อภาวะเศรษฐกิจในประเทศ แต่อย่างไรก็ตาม จากปัญหาที่เกิดขึ้น ในด้านจิตวิทยาแล้ว นักลงทุนเองก็ยังมีความกังวลต่อการลงทุน เพราะเมื่อนักลงทุนเกิดความวิตกกังวล ก็จะส่งผลกระทบมายังตลาดหุ้นโดยตรง ซึ่งตรงนี้คงต้องมีความระวัดระวังมากยิ่งขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจเหมือนครั้งที่ผ่านมา
นางวรวรรณ ธาราภูมิ นายกสมาคมบริษัทจัดการกองทุนรวม (สมาคม บลจ.) และกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บัวหลวง จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงที่เหลือของปี 2553 นี้ คาดว่าหลาย ๆ บลจ. เองจะมีการเน้นการออกผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ออกมาเพื่อให้ตรงตามความต้องการของกลุ่มเป้าหมายของตนเอง นอกจากนี้ ยังเชื่อว่าจะออกมาทำการตลาดเพื่อกระตุ้นให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพหรือ อาร์เอ็มเอฟ และกองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือ แอลทีเอฟด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ คาดว่าในช่วงสิ้นปีนี้จะมีเม็ดเงินไหลเข้ามาทั้งระบบอุตสาหกรรมกองทุนรวมไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท โดยในช่วงสิ้นเดือนธันวาคม 2552 นี้คาดว่าเม็ดเงินดังกล่าวจะได้จากกองทุนรวมอาร์เอ็มเอฟ รวมถึงกองทุนรวมแอลทีเอฟ และกองทุนหุ้นเป็นหลัก
“การลงทุนทั้งของเราและของหลาย ๆ บลจ.ขณะนี้ คงมีการเน้นออกกองทุนให้เหมาะสมแก่นักลงทุน ขณะเดียวกัน เชื่อว่าหลาย ๆ บลจ.เองยังคงต้องออกมากกระตุ้นยอดขายในกองทุนรวมอาร์เอ็มเอฟและแอลทีเอฟ รวมถึงกองทุนหุ้นด้วย ซึ่งคาดว่าในสิ้นปีนี้จะมีเงินไหลเข้ามาทั้งระบบอุตสาหกรรมกองทุนรวมไม่ต่ำกว่า 10,000 – 20,000 ล้านบาท” นางวรวรรณ กล่าว
นางวรวรรณ กล่าวต่อไปว่า จากภาวะเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าเริ่มมีการปรับตัวดีขึ้นภายหลังจากที่ภาครัฐทั้งในประเทศและต่างประเทศต่างมีการอัดเม็ดเงินอย่างเต็มที่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้พลิกฟื้นกลับมาดีขึ้น ซึ่งก็ถือว่าเป็นผลดี แต่การอัดเม็ดเงินมาก ๆ เช่นนี้ มันมีการกระจายการลงทุนไปอย่างกว้างขวาง จนไม่สามารถมองความชัดเจนได้ ซึ่งคาดว่าในปีหน้าสิ่งที่รัฐบาลกระตุ้นไปจะสามารถเห็นภาพที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ส่วนปัญหาในปัจจุบันที่เกี่ยวกับเรื่องบริษัทดูไบ เวิลด์ บริษัทเพื่อการลงทุนของทางการดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือ ยูเออีประกาศเลื่อนชำระหนี้นั้น บริษัทเชื่อว่าไม่กระทบต่อภาวะเศรษฐกิจในประเทศ แต่อย่างไรก็ตาม จากปัญหาที่เกิดขึ้น ในด้านจิตวิทยาแล้ว นักลงทุนเองก็ยังมีความกังวลต่อการลงทุน เพราะเมื่อนักลงทุนเกิดความวิตกกังวล ก็จะส่งผลกระทบมายังตลาดหุ้นโดยตรง ซึ่งตรงนี้คงต้องมีความระวัดระวังมากยิ่งขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจเหมือนครั้งที่ผ่านมา