บลจ. บัวหลวง ชี้กองทุนสาธารณูปโภคศักยภาพเยี่ยม น่าลงทุน โดยเฉพาะไฟฟ้าและการประปา ระบุสนใจลงทุนแต่ต้องขอดูนโยบายแบงก์แม่ก่อน ล่าสุดเข็นกองทุนอสังหาริมทรัพย์ "ทีพาร์คโลจิสติคส์" เป็นทางเลือกรับดอกเบี้ยต่ำ คาดปีหน้าจ่ายปันผลได้กว่า 8.35% เริ่มไอพีโอ 18 - 25 พ.ย.นี้
นายสุทธิพงศ์ พัวพันธ์ประเสริฐ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายจัดการกองทุน ผู้จัดการกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บัวหลวง จำกัด เปิดเผยถึงกองทุนสาธารณูปโภคของทางภาครัฐนั้น บริษัทมองว่าโครงการต่าง ๆ ของรัฐบาลล้วนแล้วแต่มีคุณภาพทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นกิจการด้านพลังงาน ระบบขนส่ง การประปา ไฟฟ้า และทางด่วน เป็นต้น ทั้งนี้ ถ้าบริษัทจะเลือกเข้าไปลงทุนและคิดว่าน่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีแก่นักลงทุนคงเป็นกิจการไฟฟ้า กับการประปา แต่อย่างไรก็ตาม การเลือกเข้าไปลงทุนยังคงต้องรอดูนโยบายของทางธนาคารกรุงเทพ ซึ่งเป็นแบงก์แม่ของทางบริษัท
"กองทุนสาธารณูปโภคของรัฐที่จัดขึ้นมานั้นถือว่าเป็นโครงการที่ดี เพราะทุก ๆ กิจการล้วนแล้วแต่มีศักยภาพทั้งสิ้น โดยเฉพาะไฟฟ้ากับการประปา เป็นต้น แต่การลงทุนอะไรก็ตามเราต้องทำการศึกษาให้ดีเสียก่อนว่า จะสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีแก่นักลงทุนได้อย่างไร รวมถึงต้องดูนโยบายของทางแบงก์กรุงเทพด้วย นอกจากนี้แล้ว ในส่วนของทางด่วนเองก็มีความน่าสนใจ แต่เมื่อลองศึกษาดูแล้ว ตัวกิจการทางด่วนเองยังคงมีภาระอีกมากมายที่ต้องแบกรับไว้ถึงแม้ว่าจะมีนโยบายที่จะขึ้นค่าทางด่วนก็ตาม"
นายสุทธิพงศ์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทนั้น ในปีหน้าบริษัทมีแผนที่จะเพิ่มทุนกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอน หรือ TFUND ในช่วงกลางปี 2553 รวมถึงจะมีการกู้เงินเพื่อมาขยายกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ทีพาร์คโลจิสติคส์ หรือ TLOGIS เพื่อมาขยายโครงการให้เพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ เพื่อที่จะได้สามารถจ่ายผลตอบแทนให้แก่นักลงทุนได้มากขึ้นด้วย ขณะเดียวกันมองว่าในปีหน้ากองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ อาจจะสามารถให้ผลตอบแทนได้ไม่มากเท่ากับในปีนี้ เนื่องจากว่าอัตราดอกเบี้ยเริ่มมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นซึ่งก็อาจจะส่งผลให้ผลตอบแทนของกองทุนน้อยกว่าปีนี้ นอกจากนี้แล้วในปีหน้า บริษัทยังมีแผนที่จะออกกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้นอีก แต่คงจะเน้นนโยบายการลงทุนแบบฟรีโฮล หรือการเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์เป็นหลัก เพราะจะสามารถสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุนได้
นางวรวรรณ ธาราภูมิ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บัวหลวง จำกัด กล่าวว่า บริษัทเตรียมเปิดขายไอพีโอกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ทีพาร์คโลจิสติคส์ หรือ TLOGIS ในระหว่างวันที่ 18 - 25 พฤศจิกายน 2552 นี้ โดยกองทุนดังกล่าวจะเข้าไปลงทุนแบบซื้อกรรมสิทธิ์ของที่ดินและคลังสินค้าจากบริษัท ไทคอน โลจิสติคส์ พาร์ค จำกัด
ทั้งนี้ กองทุนดังกล่าวยังได้รับการป้องกันความเสี่ยงด้วยการรับประกันรายได้ขั้นต่ำโดยผู้บริหารทรัยพ์สินจำนวน 118.50 ล้านบาทต่อปี ตลอดระยะเวลา 7 ปี โดยจะไปสิ้นสุดในเดือนธันวาคม 2559 ซึ่งจะมีหนังสือค้ำประกันจากธนาคารเป็นหลัก เพื่อรับประกันความมั่นใจให้แก่นักลงทุน รวมไปถึงนโยบายการจ่ายเงินปันผลอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง ทั้งนี้คาดว่าอัตราที่จะได้รับเงินปันผลในช่วงปี 2553 นี้ จะอยู่ที่ประมาณ 8.35%
โดยกองทุน TLOGIS จะเข้าไปลงทุน 2 โครงการ ซึ่งได้แก่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งมีคลังสินค้าทั้งสิน 2 อาคาร บนที่ดิน 48-3-32 ไร่ในโครงการเขตอุตสาหกรรมโลจิสติคส์ ทีพาร์ค และอีกที่หนึ่งตั้งอยู่ที่บางนา โดยจะมีคลังสินค้าทั่วไป 1 อาคาร และคลังสินค้าในเขตปลอดอากร 2 อาคาร บนที่ดิน 41-1-80 ไร รวมมูลค่าโครงการ 1,533 ล้านบาท
นางวรวรรณกล่าวว่า ที่ผ่านมาเราได้ทำความเข้าใจในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์กับนักลงทุนรายย่อยเพิ่มมากขึ้น เพราะส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยเข้าใจมากนัก ดังนั้น เมื่อเราเข้าไปให้ความรู้ความเข้าใจและสร้างความมั่นใจต่อนักลงทุนรายย่อย ส่งผลให้นักลงทุนรายย่อยเองเกิดความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนเป็นจำนวนมาก ซึ่งเราเองก็หวังว่ากองทุนดังกล่าวจะเป็นทางเลือกให้แก่นักลงทุนอีกทางหนึ่ง ที่จะทำให้ได้รับผลตอบแทนที่ดี แต่อย่างไรก็ตามการเข้าไปลงทุนในกองทุนดังกล่าว ถ้าจะให้ได้รับผลตอบแทนที่ดีอย่างต่อเนื่องนักลงทุนความที่จะเข้าไปลงทุนในช่วงระยะยาวมากกว่าระยะสั้น เพราะจะทำให้ได้รับผลตอบแทนน้อย และอีกสิ่งที่จะสามารถสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุนได้นั้นคือ เราได้การันตีถึงผลตอบแทนให้แก่นักลงทุนถึง 7 ปีไม่ว่าในช่วงนั้นจะประสบปัญหาอะไรก็ตามนักลงทุนจะสบายใจได้ว่ายังไงก็จะได้รับผลตอบแทนอย่างแน่นอน
นายสุทธิพงศ์ พัวพันธ์ประเสริฐ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายจัดการกองทุน ผู้จัดการกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บัวหลวง จำกัด เปิดเผยถึงกองทุนสาธารณูปโภคของทางภาครัฐนั้น บริษัทมองว่าโครงการต่าง ๆ ของรัฐบาลล้วนแล้วแต่มีคุณภาพทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นกิจการด้านพลังงาน ระบบขนส่ง การประปา ไฟฟ้า และทางด่วน เป็นต้น ทั้งนี้ ถ้าบริษัทจะเลือกเข้าไปลงทุนและคิดว่าน่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีแก่นักลงทุนคงเป็นกิจการไฟฟ้า กับการประปา แต่อย่างไรก็ตาม การเลือกเข้าไปลงทุนยังคงต้องรอดูนโยบายของทางธนาคารกรุงเทพ ซึ่งเป็นแบงก์แม่ของทางบริษัท
"กองทุนสาธารณูปโภคของรัฐที่จัดขึ้นมานั้นถือว่าเป็นโครงการที่ดี เพราะทุก ๆ กิจการล้วนแล้วแต่มีศักยภาพทั้งสิ้น โดยเฉพาะไฟฟ้ากับการประปา เป็นต้น แต่การลงทุนอะไรก็ตามเราต้องทำการศึกษาให้ดีเสียก่อนว่า จะสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีแก่นักลงทุนได้อย่างไร รวมถึงต้องดูนโยบายของทางแบงก์กรุงเทพด้วย นอกจากนี้แล้ว ในส่วนของทางด่วนเองก็มีความน่าสนใจ แต่เมื่อลองศึกษาดูแล้ว ตัวกิจการทางด่วนเองยังคงมีภาระอีกมากมายที่ต้องแบกรับไว้ถึงแม้ว่าจะมีนโยบายที่จะขึ้นค่าทางด่วนก็ตาม"
นายสุทธิพงศ์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทนั้น ในปีหน้าบริษัทมีแผนที่จะเพิ่มทุนกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอน หรือ TFUND ในช่วงกลางปี 2553 รวมถึงจะมีการกู้เงินเพื่อมาขยายกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ทีพาร์คโลจิสติคส์ หรือ TLOGIS เพื่อมาขยายโครงการให้เพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ เพื่อที่จะได้สามารถจ่ายผลตอบแทนให้แก่นักลงทุนได้มากขึ้นด้วย ขณะเดียวกันมองว่าในปีหน้ากองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ อาจจะสามารถให้ผลตอบแทนได้ไม่มากเท่ากับในปีนี้ เนื่องจากว่าอัตราดอกเบี้ยเริ่มมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นซึ่งก็อาจจะส่งผลให้ผลตอบแทนของกองทุนน้อยกว่าปีนี้ นอกจากนี้แล้วในปีหน้า บริษัทยังมีแผนที่จะออกกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้นอีก แต่คงจะเน้นนโยบายการลงทุนแบบฟรีโฮล หรือการเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์เป็นหลัก เพราะจะสามารถสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุนได้
นางวรวรรณ ธาราภูมิ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บัวหลวง จำกัด กล่าวว่า บริษัทเตรียมเปิดขายไอพีโอกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ทีพาร์คโลจิสติคส์ หรือ TLOGIS ในระหว่างวันที่ 18 - 25 พฤศจิกายน 2552 นี้ โดยกองทุนดังกล่าวจะเข้าไปลงทุนแบบซื้อกรรมสิทธิ์ของที่ดินและคลังสินค้าจากบริษัท ไทคอน โลจิสติคส์ พาร์ค จำกัด
ทั้งนี้ กองทุนดังกล่าวยังได้รับการป้องกันความเสี่ยงด้วยการรับประกันรายได้ขั้นต่ำโดยผู้บริหารทรัยพ์สินจำนวน 118.50 ล้านบาทต่อปี ตลอดระยะเวลา 7 ปี โดยจะไปสิ้นสุดในเดือนธันวาคม 2559 ซึ่งจะมีหนังสือค้ำประกันจากธนาคารเป็นหลัก เพื่อรับประกันความมั่นใจให้แก่นักลงทุน รวมไปถึงนโยบายการจ่ายเงินปันผลอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง ทั้งนี้คาดว่าอัตราที่จะได้รับเงินปันผลในช่วงปี 2553 นี้ จะอยู่ที่ประมาณ 8.35%
โดยกองทุน TLOGIS จะเข้าไปลงทุน 2 โครงการ ซึ่งได้แก่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งมีคลังสินค้าทั้งสิน 2 อาคาร บนที่ดิน 48-3-32 ไร่ในโครงการเขตอุตสาหกรรมโลจิสติคส์ ทีพาร์ค และอีกที่หนึ่งตั้งอยู่ที่บางนา โดยจะมีคลังสินค้าทั่วไป 1 อาคาร และคลังสินค้าในเขตปลอดอากร 2 อาคาร บนที่ดิน 41-1-80 ไร รวมมูลค่าโครงการ 1,533 ล้านบาท
นางวรวรรณกล่าวว่า ที่ผ่านมาเราได้ทำความเข้าใจในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์กับนักลงทุนรายย่อยเพิ่มมากขึ้น เพราะส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยเข้าใจมากนัก ดังนั้น เมื่อเราเข้าไปให้ความรู้ความเข้าใจและสร้างความมั่นใจต่อนักลงทุนรายย่อย ส่งผลให้นักลงทุนรายย่อยเองเกิดความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนเป็นจำนวนมาก ซึ่งเราเองก็หวังว่ากองทุนดังกล่าวจะเป็นทางเลือกให้แก่นักลงทุนอีกทางหนึ่ง ที่จะทำให้ได้รับผลตอบแทนที่ดี แต่อย่างไรก็ตามการเข้าไปลงทุนในกองทุนดังกล่าว ถ้าจะให้ได้รับผลตอบแทนที่ดีอย่างต่อเนื่องนักลงทุนความที่จะเข้าไปลงทุนในช่วงระยะยาวมากกว่าระยะสั้น เพราะจะทำให้ได้รับผลตอบแทนน้อย และอีกสิ่งที่จะสามารถสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุนได้นั้นคือ เราได้การันตีถึงผลตอบแทนให้แก่นักลงทุนถึง 7 ปีไม่ว่าในช่วงนั้นจะประสบปัญหาอะไรก็ตามนักลงทุนจะสบายใจได้ว่ายังไงก็จะได้รับผลตอบแทนอย่างแน่นอน
