ธปท.เผยยอดสินเชื่อเดือน ต.ค.ส่งสัญญาณบวก คาดปี 53 สินเชื่อเติบโตได้ 5-9% โดยพบการกระจุกตัวอยู่ใน 3 กลุ่มหลัก อุปโภคบริโภค- เอสเอ็มอี-การใช้จ่ายภาครัฐ ส่วนกรณีที่ธนาคารพาณิชย์บางแห่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ถือว่าเป็นเตรียมสภาพคล่องเอาไว้เพื่อการแข่งขันการปล่อยสินเชื่อในปีหน้า แต่ต้องประเมินภาพรวมทั้งตลาด
นายบัณฑิต นิจถาวร รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดแนวโน้มสินเชื่อในระบบธนาคารพาณิชย์ในปี 2553 โดยระบุว่า อาจขยายตัวได้สูงถึง 5-9% เนื่องจากขณะนี้ได้เห็นแนวโน้มการขยายตัวที่ดีขึ้นแล้ว
ทั้งนี้ ธปท.พบสัญญาณการฟื้นตัวของสินเชื่อตั้งแต่ตุลาคม 2552 ปรับตัวเป็นบวกแล้ว โดยเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อนขยายตัว 0.2% แต่หากเทียบกับเดือนกันยายน 2552 พบว่ามีการเติบโต 0.4% แสดงให้เห็นว่าแนวโน้มสินเชื่อของภาคเอกชนอยู่ในช่างขาขึ้น แม้ว่าตัวเลขยอดสินเชื่อในงวด 9 เดือนจะยังชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม สินเชื่อที่เติบโตยังกระจุกตัวอยู่ใน 3 กลุ่มหลัก คือ อุปโภคบริโภค เอสเอ็มอี และการใช้จ่ายภาครัฐ
นายบัณฑิต กล่าวว่า การปรับตัวที่ดีขึ้นของปริมาณสินเชื่อจะเป็นผลดีต่อภาวะเศรษฐกิจ โดยสินเชื่อที่จะขยายตัวได้ดีนั้นมาจาก 3 ปัจจัย คือ สภาพคล่องในระบบการเงินที่มีอยู่มาก ซึ่งปัจจุบันสภาพคล่องในระบบมีสูงกว่าเกณฑ์ที่ต้องสำรองสภาพคล่องตามกฎหมายกำหนดถึง 5 เท่า
ประกอบกับ ความกังวลของธนาคารพาณิชย์ต่อภาวะเศรษฐกิจและคุณภาพหนี้เริ่มคลี่คลายลง โดยตัวเลขหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ณ เดือนกันยายน 2552 อยู่ที่ 5.3% ซึ่งเป็นระดับเท่ากับสิ้นปี 2551 ไม่ได้เพิ่ม ทำให้ธนาคารพาณิชย์พร้อมปล่อยสินเชื่อต่อไปได้ รวมถึงปัจจัยสำคัญ คือ การแข่งขันการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์มีมากขึ้น โดยเฉพาะสินเชื่ออุปโภคบริโภค สินเชื่อเอสเอ็มอี และสินเชื่อเพื่อการใช้จ่ายของภาครัฐ คาดว่าส่งผลให้ยอดการปล่อยสินเชื่อในปี 2553 เป็นบวกได้
"สินเชื่อปีนี้ยังติดลบแม้ตัวเลข 3-4 เดือนที่ผ่านมานี้จะบวกขึ้น แต่ทั้งปีก็ยังคงติดลบแต่จะพลิกกลับมาเป็นบวกได้ปีหน้า โดยจากตัวเลขของธนาคารพาณิชย์เอกชนที่ได้ประมาณการณ์เอาไว้นั้น เท่าที่ทราบเขาคาดว่าสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์เอกชนจะมีการเติบโต 5-9% ซึ่งในส่วนของแบงก์ชาตินั้นมีตัวเลขประมาณการณ์อยู่ในใจก็คงสอดคล้องกัน เพราะประเด็นตอนนี้ คือ แบงก์พาณิชย์เอกชนอยากปล่อยสินเชื่อ"
ส่วนกรณีที่ธนาคารพาณิชย์บางแห่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำประเภท 3 เดือน มาอยู่ที่ 4% นั้น นายบัณฑิต กล่าวว่า ถือว่าเป็นเตรียมสภาพคล่องเอาไว้เพื่อการแข่งขันการปล่อยสินเชื่อในปีหน้า จึงไม่ใช่เรื่องที่แปลกใจที่จะมีบางธนาคารหันมาให้กลยุทธ์เรื่องดอกเบี้ยเงินฝากมาจูงใจ แต่เท่าที่ดูก็เห็นมีธนาคารเดียวเท่านั้น จึงยังไม่สามารถบ่งบอกได้ว่าเป็นสัญญาณอะไรได้ เพราะเท่าที่ทราบธนาคารพาณิชย์ดังกล่าวออกมาเป็นโปรแกรมระยะสั้นในโอกาสพิเศษของธนาคารเท่านั้น