ธ.กรุงไทย ขาใหญ่บัญชีเงินฝากข้าราชการ-รัฐวิสาหกิจ แนะเพื่อนธนาคารพาณิชย์ ต้องเร่งสร้างความเข็มแข็ง เพื่อเตรียมพร้อมรับมือ พ.ร.บ.คุ้มครองเงินฝาก ที่จะมีผลบังคับใช้ 11 ส.ค.นี้
วันนี้ (28 ก.ค.) นายสหัส ตรีทิพยบุตร รองกรรมการผู้จัดการ ผู้บริหารสายงาน สายงานบริหารผลิตภัณฑ์และการตลาด ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB เปิดเผยว่า จากกรณีที่ พ.ร.บ.สถาบันคุ้มครองเงินฝาก ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 11 ส.ค. 2551 เชื่อว่าในปีแรกอาจจะยังไม่มีผลกระทบด้วยการแข่งขันระดมเงินฝากและการเสนอดอกเบี้ยจูงใจมากนัก เพราะยังพอมีเวลาสำหรับการปรับตัว โดยผู้ฝากเองจะต้องมองหาการลงทุนอื่น และสร้างความชำนาญในการลงทุนมากขึ้น ขณะที่ธนาคารพาณิชย์เองจะต้องพัฒนาตัวเอง ทั้งในเรื่องการให้บริการกับกลุ่มลูกค้าระดับบน หรือการลงทุนต่างๆ
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาธนาคารมีการเร่งระดมเงินฝากอย่างต่อเนื่อง โดยการระดมเงินฝาก KTB เงินฝากสู้เงินเฟ้อ ซึ่งเป็นเงินฝากประจำ 3 เดือน ให้อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 6 ต่อปี ในงานมหกรรมมั่นใจไทยแลนด์ ดีแน่ ถูกแน่ เพื่อคนไทย ที่จัดขึ้น ณ อิมแพค เมืองทองธานี มียอดเงินฝาก 26,400 ล้านบาท จากประชาชนกว่า 38,000 ราย ทำให้จนถึงขณะนี้ธนาคารสามารถเพิ่มยอดเงินฝากอีก 100,000 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ ทำให้ฐานเงินฝากของธนาคารฯ อยู่ที่ 1 ล้านล้านบาท
นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารนครหลวงไทย กล่าวว่า เมื่อ พ.ร.บ.สถาบันคุ้มครองเงินฝาก มีผลบังคับใช้ ส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์ต่างเร่งสร้างความแข็งแกร่ง เพื่อความอยู่รอด โดยเฉพาะธนาคารพาณิชย์ขนาดเล็กและธนาคารขนาดกลาง อาจต้องหาพันธมิตรเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของธุรกิจและความเชื่อมั่นของลูกค้า
สำหรับเป้าหมายการปรับลดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของธนาคารนั้น ธนาคารตั้งเป้าว่าในสิ้นปีนี้ลดลงเหลือร้อยละ 5 จากปัจจุบันที่มีอยู่ร้อยละ 7 หรือ 260,000 ล้านบาท และขณะนี้สัญญาณการเกิดเอ็นพีแอลเริ่มมีในบางธุรกิจที่มีปัญหา อาทิ กลุ่มขนส่ง โดยมีรายใหญ่ที่ประสบปัญหา และมีการพูดคุยจำนวนไม่ถึง 10 ราย
