xs
xsm
sm
md
lg

ตลท.คาดตลาดหุ้นไทยขาลงถึงสิ้นปี 52 ต่างชาติเริ่มขายสุทธิ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผู้บริหาร ตลท.คาดตลาดหุ้นไทยขาลงถึงสิ้นปี 52 ระบุ ต่างชาติขายต่อเนื่องถึงปีใหม่ โดยนักลงทุนส่วนใหญ่กังวล มาบตาพุด-การเมือง และบางส่วนไม่ลงทุนเพราะเป็นช่วงสิ้นปี



นายวิรไท สันติประภพ รองผู้จัดการ สายงานพัฒนาและวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) คาดการณ์ทิศทางตลาดหุ้นไทย โดยเชื่อว่า นักลงทุนต่างชาติจะเทขายหุ้นในตลาดหุ้นไทยต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปี 2552 เนื่องจากความกังวลในปัญหาการเมืองที่ยังมีประเด็นต้องติดตาม และผลกระทบจากปัญหามาบตาพุดที่มีไปจนกว่าจะเห็นข้อสรุปที่เป็นแบบรูปธรรม

ทั้งนี้ ตลท.พบว่า ในเดือนพฤศจิกายน 2552 นักลงทุนต่างประเทศกลับมาเป็นผู้ขายสุทธิครั้งแรกในรอบ 9 เดือนด้วยมูลค่าขายสุทธิกว่า 13,239 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบันในประเทศกลับมีบทบาทในตลาดหุ้นไทยแทนนักลงทุนต่างประเทศ โดยเป็นผู้ซื้อสุทธิ ขณะที่สัดส่วนมูลค่าการซื้อขายของบัญชีบริษัทหลักทรัพย์เพิ่มมากขึ้นเป็น 15.5% จาก 11.9% ในเดือนตุลาคม 2552

"ถ้าให้ผมมองการลงทุนของต่างชาติในช่วงนี้คงนิ่ง และอาจเห็นการขายสุทธิไปถึงสิ้นปี เพราะเข้าใจได้ว่าเป็นเรื่องความวิตกกังวลเป็นระยะๆ ที่เกิดขึ้นทั้งปัญหาการเมืองและมาบตาพุด อีกส่วนก็อาจจะมีนักลงทุนต่างชาติบางส่วนที่ไม่ลงทุนแล้วเพราะเป็นช่วงใกล้ปลายปี"

หากพิจารณาปริมาณการซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติ ขณะนี้เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงด้วยการหันไปลงทุนในประเทศกำลังพัฒนาในภูมิภาคนี้ เช่น อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ โดยเฉพาะอินโดนีเซีย ซึ่งได้เปรียบจากความต่อเนื่องนโยบายเศรษฐกิจมหภาค รวมทั้งได้ประโยชน์จากกิจการพลังงานในประเทศ

นอกจากนี้ ในเดือนพฤศจิกายน 2552 ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับสูงขึ้นเพียงประมาณ 0.60% ซึ่งถือว่าต่ำเมื่อเทียบกับประเทศฟิลิปปินส์ที่ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นมาถึง 4.70% ไต้หวัน 3.30% และสิงค์โปร์ 3.10% ขณะที่เปรียบเทียบในช่วงเดือนมกราคม-พฤศจิกายน 2552 ยังพบว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นมาเพียง 53.1% ซึ่งน้อยกว่าเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอินโดนีเซียที่ขึ้นมาถึง 78.2% ไต้หวัน 65.1% และฟิลิปปินส์ 62.6%

ทั้งนี้ ตลท.สรุปภาพรวมการซื้อขายหลักกทรัพย์ในตลาดหุ้นไทยเดือนพฤศจิกายน 2552 ค่อนข้างผันผวน ช่วงต้นเดือนได้รับอานิสงส์จากการปรับตัวขึ้นของตลาดหลักทรัพย์ในภูมิภาค ทำให้ดัชนีปรับตัวขึ้นไปปิดสูงสุดของเดือนที่ 717.90 จุดในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2552 แต่ก็ปรับตัวลดลงในช่วงสัปดาห์ที่ 3–4 เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลปัญหามาบตาพุดและสถานการณ์ทางการเมือง

เมื่อพิจารณาตัวเลข ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2552 ดัชนีหุ้นไทยปิดที่ 689.07 จุด เพิ่มขึ้น 0.56 %จากเดือนก่อนหน้า ขณะที่ดัชนีตลาด mai ปรับตัวสูงขึ้นมาปิดที่ระดับ 212.01 จุด เพิ่มขึ้น 0.99% จากเดือนก่อนหน้า ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 ส่วนมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดโดยรวมของตลาดหุ้นไทย และตลาด mai อยู่ที่ 5,547,748 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.67 %จากสิ้นเดือนตุลาคม 2552

ขณะที่มูลค่าการซื้อขายแยกตามกลุ่มอุตสาหกรรม พบว่า สัดส่วนการซื้อขายในกลุ่มพลังงานและกลุ่มธุรกิจการเกษตรมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่การซื้อขายในกลุ่มธนาคารและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ปรับลดลง โดยสัดส่วนการซื้อขายในกลุ่มพลังงานปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 27% ในเดือนก่อนหน้า เป็น 34% ในเดือนพฤศจิกายน 2552 เช่นเดียวกับกลุ่มธุรกิจการเกษตรที่ปรับตัวจาก 4% ในเดือนก่อนหน้า มาเป็น 6% ขณะที่สัดส่วนการซื้อขายในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ปรับลดลงเล็กน้อยมาที่ 22% และกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ลดลงมากที่สุดจาก 12% มาเหลือเพียง 7%

สำหรับการมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ในเดือนพฤศจิกายน 2552 มีมูลค่ารวม 398,035 ล้านบาท หรือคิดเป็นมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 18,954 ล้านบาท ซึ่งถือว่าต่ำสุดในรอบ 4 เดือน และลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่มีมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 26,073 ล้านบาท แม้ว่าจำนวนบัญชีที่มีการซื้อขายปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แต่มูลค่าการซื้อขายต่อบัญชีปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า
กำลังโหลดความคิดเห็น