นายกฯ “อภิสิทธิ์” ห่วงตลาดทุนไทยเล็ก ส่งผลนักลงทุนต่างชาติเมิน สั่งเร่งเดินหน้าแผนพัฒนาตลาดทุนไทย พร้อมจับมือตลาดหุ้นแถบอาเซียนเพิ่มศักภาพการดึงนักลงทุนต่างประเทศ หวังแข่งขันกับตลาดทุนโลกที่รุนแรงยิ่งขึ้น แจงภารกิจสำคัญตลาดทุนเป็นแหล่งระดมเงินทุน แหล่งลงทุนหลากหลายเพื่อหนุนเศรษฐกิจไทยเติบโต ด้านประธานตลาดหุ้นไทย ตั้งเป้าผู้เข้าร่วมงาน SET in the City 2009 กว่า 1 แสนราย
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษ “ตลาดทุนไทยขับเคลื่อน เศรษฐกิจไทยเข้มแข็ง” ในพิธีเปิดงาน SET in the City 2009ว่า ช่วงที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยได้พึ่งพากับระบบสถาบันการเงินมากเกินไป เมื่อสถาบันการเงินเกิดปัญหาจึงส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อภาคเศรษฐกิจและการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ดังนั้นจึงมีความจำเป็นในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตลาดทุนไทยเพื่อให้เป็นทางเลือกในการระดมทุน และการระดมเงินออมระยะยาว
ทั้งนี้ รัฐบาลกังวลเรื่องที่ตลาดทุนไทยมีขนาดเล็ก ทำให้ไม่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างประเทศเ และตลาดหุ้นไทยยังมีสัดส่วนการลงทุนของนักลงทุนสถาบันต่ำอยู่ รวมถึงต้นทุนในการระดมทุนที่ค่อนข้างสูง ซึ่งรัฐบาลได้มอบหมายให้คณะกรรมการพัฒนาตลาดทุนไทยดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าว และทางคณะกรรมการพัฒนตลาดทุนไทยได้มีการจัดทำแผนพัฒนาตลาดทุนไทย 5 ปี (2553-2557) ขึ้น และได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว
“ตลาดทุนไทยมีขนาดเล็ก ต้นทุนการะดมทุนสูง และมูลค่าเงินร่วมลงทุนยังน้อยอยู่ เป็นโจทย์ที่รัฐบาลได้มอบหมายให้คณะกรรมการพัฒนาตลาดทุนไทยดำเนินการแก้ไข ซึ่ง 5 ปีนับจากนี้ ได้ตั้งเป้าเพิ่มขนาดตลาดทุนไทยให้มีมูลค่าตามราคาตลาดรวม (มาร์เกตแคป) เป็น 130% จากปัจจุบันที่ 86% และประชาชนที่ลงทุนในตลาดทุนเป็น 5% จาก 2.4% รวมทั้งการเพิ่มสินค้าใหม่ๆ ซึ่งทั้งหมดนี้จประสบผลสำเร็จจะต้องได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกๆ ฝ่าย”
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า แผนพัฒนาตลาดทุนไทยจะต้องเร่งดำเนินการ แต่จากปัจจุบันตลาดทุนทั่วโลกมีแข่งขันที่มีความรุนแรงมากขึ้น ตลาดหลักทรัพย์ฯ จำเป็นจะต้องทำโครงการร่วมมือกับตลาดทุนในอาเซียนมากขึ้น เพื่อเพิ่มความสนใจและดึงดูดให้กับนักลงทุนต่างประเทศในการเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นอาเซียน และทำให้ตลาดหุ้นไทยจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างประเทศ
“ภาระกิจหลักของตลาดทุน คือ มีสินค้าในการลงทุนที่มีความหลาก และเป็นแหล่งระดมเงินทุน เพื่อที่จะทำให้เศรษฐกิจไทยมีการเติบโต” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
สำหรับแผนพัฒนาตลาดทุนไทยนั้น ได้กำหนดพันธกิจไว้ 6 ด้าน คือ 1.จะมีการดำเนินการอย่างไรให้ผู้ระดมทุนสามารถเข้าถึงตลาดทุนได้ง่าย 2. สินค้าจะต้องมีความหลากหลาย 3. ต้นทุนในการเข้ามาทำธุรกรรมการเงินต่ำ 4.ปรับปรุงโครงสร้างทางกฎหมายต่างๆ 5. นักลงทุนมีความรู้ในการลงทุน และได้รับการคุ้มครอง 6. ตลาดหุ้นไทยจะต้องมีการเชื่อมโยงกับตลาดทุนต่างประเทศและสามารถแข่งขันกับตลาดทุนโลกได้
ส่วนแผนพัฒนาตลาดทุนได้กำหนดกรอบแนวทางการดำเนินการไว้ 8 มาตรการ ประกอบด้วย มาตรการแรก มาตรการแรก การยกเลิกการผูกขาดและการยกระดับความสามารถในการแข่งขันของตลาดหลักทรัพย์ฯ มาตรการที่ 2 การเปิดเสรีและการเพิ่มประสิทธิภาพของสถาบันตัวกลาง มาตรการที่ 3 การปฏิรูปกฎหมายสำหรับการพัฒนาตลาดทุน มาตรการที่ 4 การปรับปรุงระบบภาษีสำหรับการพัฒนาตลาดทุน มาตรการที่ 5 การพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงิน มาตรการที่ 6 การจัดตั้งกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) มาตรการที่ 7 การสร้างวัฒนธรรมการลงทุนผ่านการออมระยะยาวให้เกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง และมาตรการสุดท้าย การพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศ
**หวังผู้ร่วมงานSET in the City 1 แสนคน
นายสมพล เกียรติไพบูลย์ ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์ฯ กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ คาดจะมีผู้เข้าร่วมงานSET in the City ที่จัดขึ้นในวันที่ 12-15 พฤศจิกายน จำนวน 1 แสนคน และมีผู้ทำธุรกรรมทางการเงินภายในงาน 1 หมื่นรายการ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษ “ตลาดทุนไทยขับเคลื่อน เศรษฐกิจไทยเข้มแข็ง” ในพิธีเปิดงาน SET in the City 2009ว่า ช่วงที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยได้พึ่งพากับระบบสถาบันการเงินมากเกินไป เมื่อสถาบันการเงินเกิดปัญหาจึงส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อภาคเศรษฐกิจและการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ดังนั้นจึงมีความจำเป็นในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตลาดทุนไทยเพื่อให้เป็นทางเลือกในการระดมทุน และการระดมเงินออมระยะยาว
ทั้งนี้ รัฐบาลกังวลเรื่องที่ตลาดทุนไทยมีขนาดเล็ก ทำให้ไม่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างประเทศเ และตลาดหุ้นไทยยังมีสัดส่วนการลงทุนของนักลงทุนสถาบันต่ำอยู่ รวมถึงต้นทุนในการระดมทุนที่ค่อนข้างสูง ซึ่งรัฐบาลได้มอบหมายให้คณะกรรมการพัฒนาตลาดทุนไทยดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าว และทางคณะกรรมการพัฒนตลาดทุนไทยได้มีการจัดทำแผนพัฒนาตลาดทุนไทย 5 ปี (2553-2557) ขึ้น และได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว
“ตลาดทุนไทยมีขนาดเล็ก ต้นทุนการะดมทุนสูง และมูลค่าเงินร่วมลงทุนยังน้อยอยู่ เป็นโจทย์ที่รัฐบาลได้มอบหมายให้คณะกรรมการพัฒนาตลาดทุนไทยดำเนินการแก้ไข ซึ่ง 5 ปีนับจากนี้ ได้ตั้งเป้าเพิ่มขนาดตลาดทุนไทยให้มีมูลค่าตามราคาตลาดรวม (มาร์เกตแคป) เป็น 130% จากปัจจุบันที่ 86% และประชาชนที่ลงทุนในตลาดทุนเป็น 5% จาก 2.4% รวมทั้งการเพิ่มสินค้าใหม่ๆ ซึ่งทั้งหมดนี้จประสบผลสำเร็จจะต้องได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกๆ ฝ่าย”
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า แผนพัฒนาตลาดทุนไทยจะต้องเร่งดำเนินการ แต่จากปัจจุบันตลาดทุนทั่วโลกมีแข่งขันที่มีความรุนแรงมากขึ้น ตลาดหลักทรัพย์ฯ จำเป็นจะต้องทำโครงการร่วมมือกับตลาดทุนในอาเซียนมากขึ้น เพื่อเพิ่มความสนใจและดึงดูดให้กับนักลงทุนต่างประเทศในการเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นอาเซียน และทำให้ตลาดหุ้นไทยจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างประเทศ
“ภาระกิจหลักของตลาดทุน คือ มีสินค้าในการลงทุนที่มีความหลาก และเป็นแหล่งระดมเงินทุน เพื่อที่จะทำให้เศรษฐกิจไทยมีการเติบโต” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
สำหรับแผนพัฒนาตลาดทุนไทยนั้น ได้กำหนดพันธกิจไว้ 6 ด้าน คือ 1.จะมีการดำเนินการอย่างไรให้ผู้ระดมทุนสามารถเข้าถึงตลาดทุนได้ง่าย 2. สินค้าจะต้องมีความหลากหลาย 3. ต้นทุนในการเข้ามาทำธุรกรรมการเงินต่ำ 4.ปรับปรุงโครงสร้างทางกฎหมายต่างๆ 5. นักลงทุนมีความรู้ในการลงทุน และได้รับการคุ้มครอง 6. ตลาดหุ้นไทยจะต้องมีการเชื่อมโยงกับตลาดทุนต่างประเทศและสามารถแข่งขันกับตลาดทุนโลกได้
ส่วนแผนพัฒนาตลาดทุนได้กำหนดกรอบแนวทางการดำเนินการไว้ 8 มาตรการ ประกอบด้วย มาตรการแรก มาตรการแรก การยกเลิกการผูกขาดและการยกระดับความสามารถในการแข่งขันของตลาดหลักทรัพย์ฯ มาตรการที่ 2 การเปิดเสรีและการเพิ่มประสิทธิภาพของสถาบันตัวกลาง มาตรการที่ 3 การปฏิรูปกฎหมายสำหรับการพัฒนาตลาดทุน มาตรการที่ 4 การปรับปรุงระบบภาษีสำหรับการพัฒนาตลาดทุน มาตรการที่ 5 การพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงิน มาตรการที่ 6 การจัดตั้งกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) มาตรการที่ 7 การสร้างวัฒนธรรมการลงทุนผ่านการออมระยะยาวให้เกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง และมาตรการสุดท้าย การพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศ
**หวังผู้ร่วมงานSET in the City 1 แสนคน
นายสมพล เกียรติไพบูลย์ ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์ฯ กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ คาดจะมีผู้เข้าร่วมงานSET in the City ที่จัดขึ้นในวันที่ 12-15 พฤศจิกายน จำนวน 1 แสนคน และมีผู้ทำธุรกรรมทางการเงินภายในงาน 1 หมื่นรายการ