นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงานมหกรรมการลงทุนครบวงจรแห่งปี หรือ SET in the City กรุงเทพมหานคร 2009 จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ที่รอยัล พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 สยามพารากอนว่า สิ่งที่รัฐบาลกังวลใจต่อภาคตลาดทุนคือ ตลาดทุนไทยมีขนาดเล็กกว่าหลายประเทศ ทำให้เกิดความเสี่ยงว่าจะถูกลดบทบาทจากมุมมองของต่างประเทศ ทำให้จำนวนนักลงทุนสถาบันที่เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยมีน้อย และทำให้ต้นทุนในการระดมทุนสูง ดังนั้น ตลท.จึงได้กำหนดแผนพัฒนาตลาดทุนไทย ปี 2553-2557 ซึ่งได้ผ่านความเห็นชอบของ ครม.เศรษฐกิจแล้ว
โดยกำหนดเป้าหมายเพิ่มขนาดตลาดหลักทรัพย์มูลค่าตลาดรวม หรือมาร์เก็ตแคป จากร้อยละ 80 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) เป็นร้อยละ130 ของจีดีพี ภายในเวลา 5 ปี และเพิ่มสัดส่วนของประชากรที่เข้าถึงการลงทุนในตลาดหุ้น จากร้อยละ 2.4 เป็นร้อยละ 5 เพิ่มผลิตภัณฑ์ทางการเงิน เพิ่มจำนวนบริษัทจดทะเบียน เพิ่มสินค้าในตลาดทุน เพื่อให้มีความหลากหลาย ลดต้นทุนการระดมทุนของบริษัทจดทะเบียน เพื่อให้สามารถแข่งขันได้กับตลาดต่างชาติ ปรับปรุงกฎหมายและระเบียบให้เอื้อต่อการลงทุน โดยจะผลักดันกฎหมายควบรวมกิจการและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับธรรมาภิบาล ยกเลิกการผูกขาดตลาดหุ้น ยกระดับตลาดหลักทรัพย์ฯ ปรับเปลี่ยน และปฏิรูปให้เป็นบริษัทมหาชน ทำให้ ตลท.เป็นตัวกลางที่ทำธุรกิจแบบครบวงจรและพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ส่งเสริมนักลงทุนให้มีความรู้และมีการคุ้มครองนักลงทุนอย่างเท่าเทียม รวมทั้งส่งเสริมการออมระดับชาติ ด้วยการจัดตั้งกองทุนการออมแห่งชาติ เพื่อสร้างความมั่นคง และสร้างความสมดุลในระบบการออมของประเทศ
สำหรับงาน SET in the City 2009 ครั้งที่ 6 จะมีหน่วยงานภาครัฐและเอกชนกว่า 96 แห่งเข้าร่วม มีทั้งบริษัทจดทะเบียนประมาณ 30 แห่ง บริษัทหลักทรัพย์ 18 แห่ง บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน 17 แห่ง สถาบันการเงินออกบูธนำเสนอข้อมูล และให้คำปรึกษาด้านการลงทุนแบบครบวงจรทั้งหุ้น ทองคำ ประกัน กองทุนรวม และบริการทางการเงินใหม่ๆ โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 12-15 พฤศจิกายนนี้ เวลา 10.00-20.00 น.
โดยกำหนดเป้าหมายเพิ่มขนาดตลาดหลักทรัพย์มูลค่าตลาดรวม หรือมาร์เก็ตแคป จากร้อยละ 80 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) เป็นร้อยละ130 ของจีดีพี ภายในเวลา 5 ปี และเพิ่มสัดส่วนของประชากรที่เข้าถึงการลงทุนในตลาดหุ้น จากร้อยละ 2.4 เป็นร้อยละ 5 เพิ่มผลิตภัณฑ์ทางการเงิน เพิ่มจำนวนบริษัทจดทะเบียน เพิ่มสินค้าในตลาดทุน เพื่อให้มีความหลากหลาย ลดต้นทุนการระดมทุนของบริษัทจดทะเบียน เพื่อให้สามารถแข่งขันได้กับตลาดต่างชาติ ปรับปรุงกฎหมายและระเบียบให้เอื้อต่อการลงทุน โดยจะผลักดันกฎหมายควบรวมกิจการและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับธรรมาภิบาล ยกเลิกการผูกขาดตลาดหุ้น ยกระดับตลาดหลักทรัพย์ฯ ปรับเปลี่ยน และปฏิรูปให้เป็นบริษัทมหาชน ทำให้ ตลท.เป็นตัวกลางที่ทำธุรกิจแบบครบวงจรและพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ส่งเสริมนักลงทุนให้มีความรู้และมีการคุ้มครองนักลงทุนอย่างเท่าเทียม รวมทั้งส่งเสริมการออมระดับชาติ ด้วยการจัดตั้งกองทุนการออมแห่งชาติ เพื่อสร้างความมั่นคง และสร้างความสมดุลในระบบการออมของประเทศ
สำหรับงาน SET in the City 2009 ครั้งที่ 6 จะมีหน่วยงานภาครัฐและเอกชนกว่า 96 แห่งเข้าร่วม มีทั้งบริษัทจดทะเบียนประมาณ 30 แห่ง บริษัทหลักทรัพย์ 18 แห่ง บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน 17 แห่ง สถาบันการเงินออกบูธนำเสนอข้อมูล และให้คำปรึกษาด้านการลงทุนแบบครบวงจรทั้งหุ้น ทองคำ ประกัน กองทุนรวม และบริการทางการเงินใหม่ๆ โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 12-15 พฤศจิกายนนี้ เวลา 10.00-20.00 น.