กฟผ.แจงปรับแผนผลิตไฟฟ้า รับมือสถานการณ์ฉุกเฉิน หลัง ปตท.กชหยุดจ่ายก๊าซฯ สั่งงัดมาตการเชื้อพลิงผลิตไฟฟ้าสำรองเต็มขั้น อัดน้ำมันดีเซลสำรองแทนก๊าซทันที เพื่อดูแลระบบไฟฟ้าให้สามารถจ่ายไฟได้ตามปกติ มั่นใจไม่กระทบความมั่นคง
นายวิรัช กาญจนพิบูลย์ รองผู้ว่าการกิจการสังคมและสิ่งแวดล้อม ในฐานะโฆษกการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า เมื่อเวลา 06.13 น. วันที่ 10 ตุลาคม 2552 ที่ผ่านมา บริษัท ปตท จำกัด(มหาชน) ได้หยุดจ่ายก๊าซธรรมชาติจากแหล่งบงกชในอ่าวไทยเพื่อซ่อมแซม โดยมีกำหนดแล้วเสร็จในเวลา 18.00 น. ของวันดังกล่าว แต่ไม่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จตามแผน ซึ่งขณะนี้ ปตท. ได้เร่งดำเนินการซ่อมแซมอย่างเร่งด่วน และจากกรณีดังกล่าวทำให้ก๊าซฯ ขาดหายไปจากระบบผลิตไฟฟ้าของ กฟผ. 400 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ส่งผลให้ต้องปรับแผนการผลิตไฟฟ้า เพื่อรักษาระบบไฟฟ้าของประเทศ โดยไม่กระทบต่อการใช้ไฟฟ้าของประชาชน
นายวิรัช กล่าวต่อว่า กฟผ. ปรับแผนการผลิตไฟฟ้า โดยปรับเปลี่ยนการผลิตไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าบางปะกงจากการใช้ก๊าซธรรมชาติไปใช้น้ำมันเตาเป็นเชื้อเพลิง และได้ปรับแผนการบำรุงรักษา โดยชะลอการหยุดเดิน เพื่อบำรุงรักษาเครื่องโรงไฟฟ้าแม่เมาะ โรงไฟฟ้าราชบุรี และโรงไฟฟ้าวังน้อยออกไปก่อน ซึ่งการปรับแผนการผลิตไฟฟ้าของ กฟผ. อย่างเร่งด่วนนี้สามารถรองรับปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้าของประชาชนในวันที่ 10-11 ตุลาคม 2552 นี้ ซึ่งเป็นวันหยุดประชาชนใช้ไฟฟ้าน้อยกว่าวันปกติ นอกจากนี้ กฟผ. ยังไม่มีการระบายน้ำจากเขื่อนต่างๆ ของ กฟผ. เพื่อช่วยเสริมการผลิตไฟฟ้าแต่อย่างใด
สำหรับวันที่12 ตุลาคม 2552 ซึ่งเป็นวันทำการปกติ มีปริมาณการใช้ไฟฟ้ามาก หากแหล่งบงกชยังไม่สามารถจ่ายก๊าซฯ ให้แก่โรงไฟฟ้าได้ตามปกติ กฟผ. จำเป็นต้องปรับแผนการผลิตไฟฟ้าเพิ่มเติม โดยจะมีการปรับเปลี่ยนโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมที่ใช้ก๊าซฯ เป็นเชื้อเพลิงไปใช้น้ำมันดีเซลแทน ซึ่งขณะนี้สั่งการให้เตรียมพร้อมแล้ว กฟผ. จึงขอให้ประชาชนมั่นใจว่าจะดูแลระบบไฟฟ้าให้จ่ายไฟฟ้าได้เป็นปกติไม่ให้ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของประชาชน
นายวิรัช กาญจนพิบูลย์ รองผู้ว่าการกิจการสังคมและสิ่งแวดล้อม ในฐานะโฆษกการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า เมื่อเวลา 06.13 น. วันที่ 10 ตุลาคม 2552 ที่ผ่านมา บริษัท ปตท จำกัด(มหาชน) ได้หยุดจ่ายก๊าซธรรมชาติจากแหล่งบงกชในอ่าวไทยเพื่อซ่อมแซม โดยมีกำหนดแล้วเสร็จในเวลา 18.00 น. ของวันดังกล่าว แต่ไม่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จตามแผน ซึ่งขณะนี้ ปตท. ได้เร่งดำเนินการซ่อมแซมอย่างเร่งด่วน และจากกรณีดังกล่าวทำให้ก๊าซฯ ขาดหายไปจากระบบผลิตไฟฟ้าของ กฟผ. 400 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ส่งผลให้ต้องปรับแผนการผลิตไฟฟ้า เพื่อรักษาระบบไฟฟ้าของประเทศ โดยไม่กระทบต่อการใช้ไฟฟ้าของประชาชน
นายวิรัช กล่าวต่อว่า กฟผ. ปรับแผนการผลิตไฟฟ้า โดยปรับเปลี่ยนการผลิตไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าบางปะกงจากการใช้ก๊าซธรรมชาติไปใช้น้ำมันเตาเป็นเชื้อเพลิง และได้ปรับแผนการบำรุงรักษา โดยชะลอการหยุดเดิน เพื่อบำรุงรักษาเครื่องโรงไฟฟ้าแม่เมาะ โรงไฟฟ้าราชบุรี และโรงไฟฟ้าวังน้อยออกไปก่อน ซึ่งการปรับแผนการผลิตไฟฟ้าของ กฟผ. อย่างเร่งด่วนนี้สามารถรองรับปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้าของประชาชนในวันที่ 10-11 ตุลาคม 2552 นี้ ซึ่งเป็นวันหยุดประชาชนใช้ไฟฟ้าน้อยกว่าวันปกติ นอกจากนี้ กฟผ. ยังไม่มีการระบายน้ำจากเขื่อนต่างๆ ของ กฟผ. เพื่อช่วยเสริมการผลิตไฟฟ้าแต่อย่างใด
สำหรับวันที่12 ตุลาคม 2552 ซึ่งเป็นวันทำการปกติ มีปริมาณการใช้ไฟฟ้ามาก หากแหล่งบงกชยังไม่สามารถจ่ายก๊าซฯ ให้แก่โรงไฟฟ้าได้ตามปกติ กฟผ. จำเป็นต้องปรับแผนการผลิตไฟฟ้าเพิ่มเติม โดยจะมีการปรับเปลี่ยนโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมที่ใช้ก๊าซฯ เป็นเชื้อเพลิงไปใช้น้ำมันดีเซลแทน ซึ่งขณะนี้สั่งการให้เตรียมพร้อมแล้ว กฟผ. จึงขอให้ประชาชนมั่นใจว่าจะดูแลระบบไฟฟ้าให้จ่ายไฟฟ้าได้เป็นปกติไม่ให้ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของประชาชน