xs
xsm
sm
md
lg

ไทยเข้มแข็งเพิ่มทุนแบงก์รัฐ เดือนก.ย.1.45หมื่นล้านบาท

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กระทรวงการคลังเตรียมกดปุ่มอนุมัติงบไทยเข้มแข็งล็อตแรกเพิ่มทุนแบงก์รัฐ 1.45 หมื่นล้านบาท รอบแรก 21 ก.ย.นี้

น.พ.พฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้เงินงบประมาณตามมาตรการไทยเข้มแข็งรอบแรกของปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 จะเริ่มเบิกจ่ายเข้าระบบได้ในสัปดาห์นี้ โดยเป็นเงินสำหรับเพิ่มทุนสถาบันการเงินของรัฐ 5 แห่ง รวมจำนวน 1.45 หมื่นล้านบาท ประกอบไปด้วยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) 2 พันล้านบาท ธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) 3 พันล้านบาท ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย(ธสน.) 5 พันล้านบาท ธนาคารออมสิน 3 พันล้านบาท ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย(ธพว.) 2.5 พันล้านบาท

โดยเบิกจ่ายรอบแรกในวันที่ 21 กันยายน 2552 สำหรับสถาบันการเงิน 3 แห่ง จำนวน 1 หมื่นล้านบาท และวันที่ 28 กันยายน 2552 อีก 4.5 พันล้านบาท ซึ่งหน่วยงานที่กำกับดูแลรัฐวิสาหกิจจะทำการ ขอเบิกเงินทางระบบ GFMIS ที่กรมบัญชีกลาง

สำหรับงบไทยเข้มแข็งในปี 2553 ได้รับรายงานเบื้องต้นว่ามีการอนุมัติโครงการของกรมทางหลวง และเมื่อได้รับจัดสรรเงินงบประมาณก็พร้อมเบิกจ่ายได้เป็นกลุ่มแรก ส่วนโครงการอื่นๆ ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 วงเงิน 1.43 ล้านล้านบาท รัฐบาลจะทยอยอนุมัติโครงการลงทุนต่างๆ และคาดการณ์ได้ว่างบก้อนแรก 2 แสนล้านบาท นั้น ส่วนใหญ่จะเป็น 4 กระทรวงหลักคิดเป็น 75% ของวงเงิน คือ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเจ้าของโครงการสามารถเตรียมความพร้อมเพื่อดำเนินการต่อได้ทันที โดยมีเป้าหมายการเบิกจ่าย 90%

น.พ.พฤฒิชัยกล่าวว่า สำหรับขั้นตอนวิธีการใช้จ่ายเงินนั้น หน่วยงานเจ้าของโครงการที่ได้งบประมาณ ต้องเปิดบัญชีเงินฝากคลังเฉพาะสำหรับงบไทยเข้มแข็งไว้กับธนาคารรัฐวิสาหกิจ และเบิกจ่ายเหมือนงบประมาณปกติผ่านระบบ GFMIS เพื่อสามารถติดตามตรวจสอบการใช้จ่ายเงินได้ และเมื่อ ครม.อนุมัติโครงการ/แผนงานและได้รับจัดสรรงบประมาณ ก็สามารถดำเนินงานตามแผนงานต่อไป

ส่วนขั้นตอนการดำเนินงานก็ได้มีการผ่อนคลายในส่วนของการจัดซื้อจัดจ้าง ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ เรื่องระยะเวลาการดำเนินการ Auction ไว้แล้ว โดยสามารถลดขั้นตอนและระยะเวลาจากเดิม 85 วัน เหลือเพียง 28 วันเท่านั้น ซึ่งจะช่วยให้เม็ดเงินเข้าไปหมุนระบบเศรษฐกิจได้ เร็วขึ้น เกิดการจ้างงานทำให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มเติม และจะมีกระบวนการติดตามการใช้จ่ายเงินอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การใช้งบประมาณดังกล่าวให้เกิดความคุ้มค่าและประโยชน์สูงสุด เนื่องจากเป็นการใช้จ่ายจากเงินกู้
กำลังโหลดความคิดเห็น