xs
xsm
sm
md
lg

กรณ์เป่านกหวีดสินเชื่อฟาสต์แทรก 1 ก.ย.นี้ ทุ่ม 9 แสน ล.กระตุกจีดีพีโต 1%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง
คลังเปิดตัวสินเชื่อฟาสต์แทรก ใช้กลไก 6 แบงก์รัฐอัดฉีดเม็ดเงินกว่า 9 แสนล้าน เข้าสู่ระบบ-เพิ่มสภาพคล่อง คาดดัน GDP โตเพิ่มได้อีก 0.5-0.9% เป่านกหวีดปล่อยกู้พร้อมกันทั่วประเทศ 1 ก.ย.-31 ธ.ค.นี้

นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้านโยบายอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบ โดยระบุว่า การทำงานช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ 6 แห่ง สามารถปล่อยสินเชื่อเข้าสู่ระบบไปแล้ว 622,000 ล้านบาท คิดเป็น 99.5% จากเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ที่ 625,500 ล้านบาท จึงได้เพิ่มเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อให้อีก 361,500 ล้านบาท ซึ่งจึงทำให้ในปี 2552 สถาบันการเงินเฉพาะกิจจะสามารถปล่อยสินเชื่อเข้าสู่ระบบได้ถึง 927,000 ล้านบาท

รมว.คลัง ระบุว่า ที่ผ่านมามีปัญหาการปล่อยสินเชื่อออกสู่ระบบน้อย จึงต้องออกโครงการ “สินเชื่อฟาสต์แทรก” เพื่อให้ธนาคารรัฐร่วมกันผ่อนปรนเงื่อนไข และอนุมัติสินเชื่อได้อย่างรวดเร็วทั้งลดขั้นตอน อนุมัติสินเชื่อ หากมีความพร้อมด้านเอกสารและหลักประกันต่างๆ แต่ละแห่งจะอนุมัติสินเชื่อภายใน 3-7 วัน ช้าสุดไม่เกิน 21 วัน

โครงการสินเชื่อฟาสต์แทรกจะเริ่มปล่อยกู้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2552 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2552 มีเป้าหมายให้ธนาคารของรัฐร่วมกันปล่อยสินเชื่อ 927,000 ล้านบาท โดยจะมีการติดตามประเมินผลการปล่อยสินเชื่อทุกสัปดาห์ และคาดว่า จะทำให้มีผู้ได้รับสินเชื่อโครงการดังกล่าว 730,000 ราย ภายในปลายปีนี้ ทำให้เกิดเงินหมุนเวียนและมีผลต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ถึงร้อยละ 0.5-0.9 จนถึงปีหน้า

โดยวันนี้ กระทรวงการคลัง ร่วมกับสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ 6 แห่ง ประกอบด้วย ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอีแบงก์) ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) หรือ Exim Bank และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย

ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะดึงเงินจากโครงการลงทุนไทยเข้มแข็งเพิ่มทุนให้กับธนาคารรัฐทั้ง 6 แห่ง เพื่อให้มีทุนในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น โดยจะเพิ่มให้กับเอสเอ็มอีแบงก์ 2,500 ล้านบาท บสย.2,000 ล้านบาท ธ.ก.ส.2,000 ล้านบาท ธอส.3,000 ล้านบาท ธสน.3,000 ล้านบาท

“หากแบงก์เฉพาะกิจของรัฐสามารถปล่อยสินเชื่อได้ตามเป้าหมาย ถ้าคิดเป็นอย่างน้อยสามารถเบิกจ่ายได้ภายในสิ้นปีนี้คิดเป็น 70% ของเป้าหมาย ก็จะช่วยให้จีดีพีโตเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 0.5-0.9% ได้แน่นอน”

นอกจากนี้ การเพิ่มเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อดังกล่าว จะทำให้ประชาชนและผู้ประกอบการเข้าถึงสินเชื่อได้เพิ่มขึ้น 730,000 ราย แยกเป็นเกษตรกร 175,000 ราย ประชาชนและผู้ประกอบการรายย่อย 550,000 ราย ผู้ประกอบการ SMEs และท่องเที่ยว 3,000 ราย และผู้ส่งออกอีก 1,500 ราย

นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การปล่อยสินเชื่อดังกล่าวจะให้ผู้บริหารธนาคารรัฐมาร่วมกันติดตามประเมินผล โดยจะแยกบัญชีสินเชื่อฟาสต์แทรกออกจากสินเชื่อทั่วไป หากมีปัญหาหนี้เสีย ธนาคารใดจะขอรับการชดเชยจากภาครัฐให้เสนอเรื่องมาพิจารณา สำหรับ บสย.ซึ่งได้ค้ำประกัน การปล่อยสินเชื่อจาก 20 ล้านบาท เป็น 40 ล้านบาทต่อราย ยกเว้นค่าธรรมเนียมค้ำประกันร้อยละ 1.75 ของวงเงินสินเชื่อในปีแรกจะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาวันที่ 1 กันยายน 2552 นี้

นายเอ็นนู ซื่อสุวรรณ รักษาการผู้จัดการ ธ.ก.ส.กล่าวว่า ธ.ก.ส.กันเงินไว้รองรับโครงการดังกล่าว 22,000 ล้านบาท หากเป็นลูกค้าเก่าจะได้รับอนุมัติสินเชื่อไม่เกิน 5 วัน ลูกค้าใหม่ไม่เกิน 15 วันทำการ โดยจะมีการปล่อยสินเชื่อเงินด่วน สินเชื่อ 108 อาชีพ สินเชื่อเพื่อการรอขายผลผลิต คิดอัตราดอกเบี้ยผ่อนปรนกรณีพิเศษ

ขณะที่ นายขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการ ธอส.กล่าวว่า ธนาคารได้จัดทำโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยพิเศษการซื้อบ้านวงเงิน 10,000 ล้านบาท สำหรับลูกค้าในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ส่วนอีก 5,000 ล้านบาทสำหรับลูกค้าต่างจังหวัด คิดดอกเบี้ย 3 เดือนแรกเพียงร้อยละ 1.5 เดือนที่ 4-12 อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2.99 ต่อปี ส่วนปีที่ 2-3 อัตราดอกเบี้ยเอ็มอาร์อาร์ ลบร้อยละ 2 หากลูกค้าเตรียมเอกสารต่างๆ พร้อม สามารถอนุมัติได้ภายใน 7 วัน โดยจะเตรียมแนวทางการประเมินที่ดินให้มีความพร้อม และลูกค้าที่โอนกรรมสิทธิ์ภายในสิ้นปีนี้จะได้รับลดหย่อนภาษีสูงสุด 300,000 บาท ตามนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล

นายเลอศักดิ์ จุลเทศ ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวว่า ธนาคารได้ปรับเป้าหมายสินเชื่อเพิ่ม 80,000 ล้านบาท เน้นปล่อยสินเชื่อให้โครงการธนาคารประชาชน สินเชื่อธุรกิจห้องแถว ด้วยการลดการกรอกเอกสารต่างๆ จาก 8 หน้า เหลือ 2 หน้า สามารถอนุมัติสินเชื่อภายใน 3 วัน ด้วยการลดเงื่อนไขค้ำประกันจาก 3 คน เหลือ 1 คน เพียงมีอาชีพมีรายได้ นอกจากนี้ ยังขยายวงเงินกู้สูงสุดถึง 100,000 บาท จากเดิมไม่เกิน 50,000 บาท ปรับลดอัตราดอกเบี้ยจากร้อยละ 1 ต่อเดือน เหลือร้อยละ 0.5 ต่อเดือน

นายอภิชัย บุญธีรวร กรรมการผู้จัดการ ธสน.กล่าวว่า ธสน.พร้อมช่วยเหลือผู้ประกอบการส่งออกที่อาจมีความเสี่ยงจากการชำระเงินการซื้อสินค้าของต่างชาติล่าช้าหรือไม่ชำระเงิน ด้วยการค้ำประกันการส่งออก โดยจัดงานเอ็กซิมเครดิตฟาสต์แทรก เพื่อให้คำปรึกษาการทำธุรกิจครบวงจรให้กับผู้ส่งออก วันที่ 6 ก.ย.นี้ ซึ่งหากผู้ส่งออกขอสินเชื่อหมุนเวียนไม่เกิน 10 ล้านบาท และเอกสารพร้อม ธสน.จะอนุมัติสินเชื่อภายใน 5 วัน เกิน 10 ล้านบาท แจ้งผลภายใน 10 วัน ซึ่งขณะนี้สัญญาณการส่งออกสินค้าไปต่างประเทศเริ่มดีขึ้น ทำให้ตัวเลขส่งออกปีนี้ไม่ติดลบมากเกินไป

ด้าน ธนาคารอิสลามฯ เตรียมปล่อยสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภคกรณีไม่ต้องประเมินราคาหลักทรัพย์อนุมัติสินเชื่อภายใน 3 วันทำการ โดยคิดอัตรากำไรและค่าธรรมเนียมสำหรับสินเชื่อเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยด้วยต้นทุนที่ต่ำ สินเชื่อสำหรับบุคคลทั่วไป ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ ปี 1-3 คิดอัตรากำไรร้อยละ 4.5 คาดว่า จะสามารถปล่อยสินเชื่อให้ผู้ประกอบการและประชาชนทั่วไปมากขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น