อดีต รมว.คลัง ออกโรงเตือนกลุ่ม นปช.ชุมนุมใหญ่ 19 ก.ย.ให้เล่นงานกันอยู่เฉพาะในเกมการเมือง แต่อย่าให้มีภาพความรุนแรง เพราะอาจกระทบต่อการลงทุนและความเชื่อมั่น ซึ่งต้องระมัดระวังในเรื่องนี้
นายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันที่ 19 กันยายน 2552 (พรุ่งนี้) โดยระบุว่า ประเทศไทยมีประสบการณ์เรียนรู้จากการชุมนุมหลายครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ แม้จะไม่มีความรุนแรง แต่บางครั้งหากเกิดเหตุการณ์บานปลาย ก็อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นการลงทุน ดังนั้น การชุมนุมพรุ่งนี้ แกนนำไม่ควรทำให้กระทบแนวนโยบายของรัฐบาลในการพัฒนาเศรษฐกิจและการลงทุนของธุรกิจข้ามชาติ
นายฉลองภพ กล่าวว่า แม้จะมีการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง สิ่งที่รัฐบาลและสังคมไทยควรทำ คือ แยกไม่ให้ภาพความไม่มีเสถียรภาพทางการเมืองไปกระทบแนวนโยบายรัฐในการพัฒนาเศรษฐกิจและการลงทุน เพื่อให้นักลงทุนสบายใจ เพราะภาพการชุมนุมเมื่อเป็นข่าวออกไปต่างประเทศก็จะเห็นความรุนแรง เดิมนักลงทุนไม่ได้เชื่อมโยงความขัดแย้งทางการเมืองเข้ากับแนวนโยบายรัฐและการลงทุน ดังนั้น ครั้งนี้จะต้องระมัดระวังในเรื่องนี้
อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวอีกว่า วิกฤตเศรษฐกิจของไทยครั้งนี้คาดว่าจะใช้เวลาหลายปีกว่าจะฟื้นในระดับเดิมก่อนเกิดปัญหาสินเชื่อที่อยู่อาศัยด้อยคุณภาพ (ซับไพรม์) ในสหรัฐฯ และเศรษฐกิจไทยจะพึ่งพิงการส่งออกให้ได้ระดับเท่าเดิมคงเป็นไปไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมา แวดวงวิชาการและฝ่ายนโยบายรัฐมีการหารือว่าในระยะต่อไปจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยและภูมิภาคนี้อย่างไร แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจน ซึ่งการจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทำได้ แต่จะเกิดปัญหาว่าจะต้องนำเข้าสินค้าบางอย่างจากต่างประเทศค่อนข้างมาก ทำให้เกิดปัญหาการขาดดุล ส่วนอีกแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่ที่จะไม่พึ่งพิงตลาดส่งออกสหรัฐ ยุโรป พัฒนาพลังงานทดแทนรวมถึงอีโคคาร์ สิ่งเหล่านี้ทำได้แต่จะไม่รวดเร็ว
นายฉลองภพ กล่าวถึงการลงทุนในโครงการไทยเข้มแข็งว่า โครงการลงทุนขนาดใหญ่จำเป็นต้องเพิ่มระดับความเข้มข้นในการประเมินผลของโครงการเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด เนื่องจากที่ผ่านมามีปัญหา เช่น โครงการรถไฟฟ้าบีทีเอสกับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ เนื่องจากประชาชนต้องซื้อตั๋วโดยสารใหม่เมื่อเปลี่ยนการเดินทาง