xs
xsm
sm
md
lg

ก.ล.ต.เชือดอดีต รมต.ยุคทักษิณ ติดร่างแหแก๊งโกงหุ้น SECC

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สุริยา ลาภวิสุทธิสิน อดีต รมช.พาณิชย์
ก.ล.ต.แจ้งดีเอสไอกล่าวโทษอดีตผู้บริหาร SECC เพิ่มเติมอีก 6 ประเด็น พร้อมพ่วงผู้ร่วมทุจริตอีก 6 คนร่วมเป็น 7 คน "สุริยา ลาภวิสุทธิสิน" บิ๊กปิกนิก อดีต รมช.ชื่อดังยุคทักษิณ โดนเชือดด้วย

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)ได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ ให้ดำเนินคดีตามกฎหมายเพิ่มเติมกับนายสมพงษ์ วิทยารักษ์สรรค์ อดีตประธานกรรมการ บริษัท เอส.อี.ซี.ออโต้เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน)หรือSECC กับพวกเพิ่มเติมอีก 6 ประเด็น รวมทั้งมีผู้ร่วมก่อความผิดเพิ่มด้วย

ก.ล.ต.ระบุว่า นายสมพงษ์ วิทยารักษ์สรรค์ กับพวกรวม 5 คน ถูกก.ล.ต.กล่าวโทษก่อนหน้านี้ ตั้งแต่วันที่ 26 ธันวาคม 2551 กรณีร่วมกันทุจริตยักยอกเงินของบริษัท ด้วยการจัดทำเอกสารอันเป็นเท็จ ในการสั่งซื้อรถยนต์ที่ไม่มีจริง เพื่อให้บริษัทต้องจ่ายเงินจากบัญชี SECC ให้แก่ตนเองหรือบุคคลอื่น จนทำให้ SECC ได้รับความเสียหายเป้นเงินนับพันล้าน ซึ่งเป็นคดีอื้อฉาวเมื่อปลายปีก่อน

ทั้งนี้ ก.ล.ต.ได้ตรงจสอบเพิ่มเติม พบพยานหลักฐานที่น่าเชื่อว่า มีการทำผิดตามพรบ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 เพิ่มอีกหลายลักษณะ จึงได้กล่าวโทษอดีตกรรมการและผู้บริหารของ SECC และอดีตผู้บริหารบริษัท เอสอีซีซี โฮลดิ้ง จำกัด (SECC Holding) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยกับพวกรวม 7 ราย ได้แก่ นายสมพงษ์ วิทยารักษ์สรรค์,นายสมชาย ศรีพยัคฆ์,นายสุริยา ลาภวิสุทธิสิน,หม่อมหลวงอภิษฎา ชยางกูร,นางสาวนิภาพร คมกล้า,นายกรวิวัฒน์ วัฒนะธรรมวงศ์ และนางสาวมุทิตา นิลสวัสดิ์ ซึ่งนายสุริยา ลาภวิสุทธิสินนั้น เคยเป็นอดีตรมช.พาณิชย์สมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และเคยก่อคดีอื้อฉาวเกี่ยวกับการปั่นหุ้นบริษัทปิกนิค ที่ตนเป็นผู้บริหาร

สำหรับ 6 ประเด็นที่กล่าวโทษเพื่อ ได้แก่ 1.ทุจริตยักยอกเงินผ่านการให้กู้ยืมของ SECC Holding จำนวน 245 ล้านบาท โดยตรวจสอบพบพยานหลักฐานว่า นายสมพงษ์ วิทยารักษ์สรรค์ กับนายสมชาย ศรีพยัคฆ์ ที่เป็นกรรมการผู้มีอำนาจของ SECC Holding และนายสุริยา ลาภวิสุทธิสิน ได้ร่วมกันยักยอกเงินของ SECC ผ่านการให้กู้ยืมของ SECC Holding แก่บุคคล 4 ราย รวม 245 ล้านบาท โดยเป็นเงินที่ SECC นำไปลงทุนใน SECC Holding และน่าเชื่อว่า ผู้ที่กู้ยืมเงินดังกล่าว ถูกทั้ง3ใช้ชื่อเพื่อปกปิดการยักยอกเงินของตน จึงเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 307, 308,311, 313,315 มาตรา 89/7 และมาตรา 89/24 แห่ง พรบ.หลักทรัพย์ฯ

นอกจากนี้ ยังพบพยานหลักฐานว่า หม่อมหลวงอภิษฎา (เดิมชื่อหม่อมหลวงภัทรวดี) ชยางกูร ซึ่งมีชื่อเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการบริษัทที่อนุมัติการให้กู้ยืม เป็นผู้ลงนามในเช็คจ่ายเงินให้บุคคลทั้ง 4 รายดังกล่าว ไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ในการเป็นกรรมการและผู้บริหารของ SECC Holding ด้วยความรับผิดชอบและระมัดระวัง จึงเข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรา 89/7 ประกอบมาตรา 89/24 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ

2.ยักยอกเงินฝากของ SECC Holding จำนวน 30 ล้านบาท โดยฝืมือนายสมชาย ศรีพยัคฆ์ 3.ทุจริตยักยอกเงิน 42 ล้านบาทจากบัญชีจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน ซึ่งนายสมพงษ์กระทำการโดยน.ส.นิภาพร คมกล้า และนายสมชาย ศรีพยัคฆ์ ร่วมมือ 4ทุจริตโดยยักยอกชุดจดทะเบียนรถยนต์ของบริษัทไปใช้แสวงหาประโยชน์ส่วนตัว ซึ่งนายสมพงษ์ได้ยักยอกชุดจดทะเบียนรถยนต์ 25 คัน นำไปใช้ค้ำประกันหนี้ส่วนตัว ทำให้ SECC เสียหาย เนื่องจากถูกลูกค้าที่ซื้อรถไป แล้วไม่มีชุดจดทะเบียนฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย

5.ตกแต่งรายได้ค่าขายรถยนต์ 30 ล้านบาทในปี 2550 ซึ่ง ก.ล.ต.พบว่านายสมพงษ์และนางสาวนิภาพร คมกล้าร่วมกันลงข้อความเท็จในบัญชี เพื่อลวงผู้ถือหุ้นและบุคคลอื่น และ6.อดีตกรรมการผู้มีอำนาจลงนามในเช็คหรือใบถอนเงินของบริษัทไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบ โดยตรวจสอบเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตใน SECC พบการยักยอกเงินที่เกิดขึ้นได้ ส่วนหนึ่งมาจากการที่นายกรวิวัฒน์ วัฒนะธรรมวงศ์ (เดิมชื่อนายไพบูลย์ สุขสุธรรมวงศ์) อดีตกรรมการและกรรมการผู้จัดการ และนางสาวมุทิตา นิลสวัสดิ์ อดีตกรรมการ (ปัจจุบันเป็นผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด และประชาสัมพันธ์) ได้ลงนามล่วงหน้าในเช็คหรือลงนามโดยละเลยที่จะตรวจสอบความถูกต้องของรายการ จนทำให้มีการถอนเงินออกจาก SECC ไปเพื่อประโยชน์ของนายสมพงษ์ วิทยารักษ์สรรค์ หรือบุคคลอื่น และทำให้ SECC เสียหาย
กำลังโหลดความคิดเห็น