ก.ล.ต.พบพิรุธ 2 ผู้บริหารฯ SECC จัดทำเอกสารเท็จ แจ้งรถยนต์ในบัญชีสินค้าคงเหลือ 501 คัน มูลค่า 1.43 พันล้าน แต่ไม่มีสินค้าอยู่จริง เตรียมยื่น "ดีเอสไอ" ดำเนินคดี 26 ธ.ค.นี้ ชี้ความผิด "สมพงษ์" ใช้อำนาจบริหาร เบียดบัง-ยักยอกเงินของบริษัท ด้วยการจัดทำเอกสารอันเป็นเท็จ สั่งซื้อสินค้ารถยนต์ที่ไม่มีจริง เพื่อเป็นเหตุอำพรางให้ต้องจ่ายเงินจากบัญชี SECC ให้แก่ตนเองหรือบุคคลอื่น เพื่อซื้อสินค้ารถยนต์ที่ไม่มีจริง ทำให้บริษัท SECC และผู้ถือหุ้น ได้รับความเสียหาย
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ระบุว่า จากที่ปรากฏข่าวว่า รถยนต์ของบริษัท เอส.อี.ซี.ออโต้เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ SECC หายไปจากบัญชีจำนวนมาก ภายหลังจากที่ นายสมพงษ์ วิทยารักษ์สรรค์ ประธานกรรมการ บริษัทได้หลบหนีไปเมื่อปลายเดือน พ.ย. 2551
สำนักงาน ก.ล.ต. ได้เข้าตรวจสอบการดำเนินงานของ SECC ซึ่งรวมถึงสินค้าคงคลังของบริษัท ปรากฏว่า ณ วันที่ 15 ธันวาคม 2551 มีรถยนต์คงเหลืออยู่ในบัญชีสินค้าคงเหลือจำนวน 501 คัน รวมมูลค่า 1,425,777,958.53 บาท แต่ปรากฏว่า รถยนต์จำนวน 493 คัน มูลค่าประมาณ 1,409 ล้านบาท ไม่สามารถระบุได้ว่าอยู่ที่ใด และน่าเชื่อว่าไม่มีอยู่จริง การตรวจสอบดังกล่าว พบการกระทำผิดในหลายลักษณะต่างกรรมต่างวาระในชั้นนี้ สำนักงาน ก.ล.ต. จึงได้ดำเนินการกล่าวโทษกรรมการและผู้บริหารของบริษัท SECC จำนวน 2 ราย เนื่องจากมีพยานหลักฐานที่น่าเชื่อว่า มีการกระทำผิดตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ในประเด็น ดังนี้
1. นายสมพงษ์ วิทยารักษ์สรรค์ ในฐานะประธานกรรมการที่รับผิดชอบการดำเนินงานและได้รับมอบหมายให้จัดการทรัพย์สินของบริษัท ได้เบียดบัง ยักยอกเงินของบริษัทด้วยการจัดทำเอกสารอันเป็นเท็จ ในการสั่งซื้อสินค้ารถยนต์ที่ไม่มีจริง เพื่อเป็นเหตุอำพรางให้ต้องจ่ายเงินจากบัญชี SECC ให้แก่ตนเองหรือบุคคลอื่น เพื่อซื้อสินค้ารถยนต์ที่ไม่มีจริงนั้น ทำให้บริษัท SECC ได้รับความเสียหาย ประมาณการในเบื้องต้นสำหรับปี 2551 มีการจ่ายเงินเป็นค่ารถยนต์ที่ไม่มีอยู่จริงจำนวน 196 คัน มูลค่าประมาณ 597.9 ล้านบาท การกระทำข้างต้นของนายสมพงษ์ เข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรา 307 308 311 และ 313 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ โดยมี น.ส.นิภาพร คมกล้า ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายบัญชีและการเงิน เป็นผู้ให้ความช่วยเหลือและสนับสนุน เข้าข่ายเป็นความผิดตามมาตรา 315 ประกอบมาตรา 307 308 และ 311 แห่งพระราชบัญญัติฉบับเดียวกัน
2. นายสมพงษ์ ร่วมกับ น.ส.นิภาพร จัดทำเอกสารอันเป็นเท็จ ในการสั่งซื้อสินค้ารถยนต์ที่ไม่มีจริง และจัดให้มีการบันทึกบัญชีซื้อรถยนต์ที่ไม่มีอยู่จริง ทำให้จำนวนรถยนต์ที่แสดงบัญชีเป็นสินค้าคงเหลือเป็นเท็จ ไม่ตรงต่อความเป็นจริง การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 312 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ การกระทำข้างต้นมีบริษัทแอปเปิล กรุ๊ป จำกัด บริษัทคิว อาร์ ออโต้ คาร์ จำกัด และนายกฤช เอกมงคลการ ซึ่งเป็นกรรมการผู้มีอำนาจของบริษัททั้ง 2 แห่งข้างต้น เป็นผู้ให้ความช่วยเหลือ สนับสนุน และให้ความสะดวกในการดำเนินการซื้อรถยนต์ จ่ายเงิน และจัดทำเอกสารเท็จ ซึ่งไม่ตรงต่อความเป็นจริง เข้าข่ายเป็นความผิดตามมาตรา 315 ประกอบมาตรา 307 308 311 และ 312 แห่งพระราชบัญญัติฉบับเดียวกัน
สำนักงาน ก.ล.ต. จึงได้ดำเนินการกล่าวโทษนายสมพงษ์ วิทยารักษ์สรรค์ น.ส.นิภาพร คมกล้า นายกฤช เอกมงคลการ บริษัทแอปเปิล กรุ๊ป จำกัด และบริษัทคิว อาร์ ออโต้ คาร์ จำกัด ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษในวันนี้ 26 ธันวาคม 2551
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า กรณี SECC เป็นเรื่องที่ผู้ลงทุนและลูกค้าของบริษัทได้รับผลกระทบมาก สำนักงาน ก.ล.ต. ไม่ได้นิ่งนอนใจจึงเร่งดำเนินการตรวจสอบเพื่อหาผู้กระทำผิด ซึ่งในชั้นนี้ พบว่ามีบุคคลและนิติบุคคลที่เข้าข่ายกระทำผิดรวม 5 ราย และยังพบว่าอาจมีผู้ที่เกี่ยวข้องในกรณีนี้เข้าลักษณะกระทำผิดในเรื่องอื่นๆ อีก ซึ่งสำนักงาน ก.ล.ต. อยู่ระหว่างรวบรวมข้อเท็จจริงเพิ่มเติมและจะเร่งดำเนินการต่อไป
ส่วนกรณีที่ปรากฏข่าวก่อนหน้านี้ว่า ผู้ลงทุนบางรายขายหุ้น SECC แล้วไม่ได้รับชำระเงินจากบริษัทหลักทรัพย์ และอาจมีเจ้าหน้าที่การตลาดกระทำการที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานการปฏิบัติงาน สำนักงาน ก.ล.ต. อยู่ระหว่างรวบรวมข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อพิจารณาตามอำนาจหน้าที่ต่อไป