สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย เดินหน้า ปรึกษาสภาทนายความปรึกษาข้อกฎหมายฟ้องเอาผิดผู้บริหาร SECC ขณะนี้มีผู้ลงทุนทะยอยส่งข้อมูล ก่อนหน้า ตลท.และ ก.ล.ต.จี้ บริษัทตั้งผู้สอบบัญชีเป็นกรณีพิเศษ และให้ชี้แจงรายลเอียดในทรัพย์สินภายใน 30 ธันวาคมนี้
นายวิชัย พูลวรลักษณ์ นายกสมาคมส่งเสริมผู้ลงไทย เปิดเผยว่า ในวันนี้ (24 ธ.ค.) ตัวแทนกรรมการของสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย จะเดินทางไปยังสภาทนายความ เพื่อปรึกษาหารือและขอข้อแนะนำการตั้งรูปคดีในการดำเนินการฟ้องร้องกรณีของบริษัท เอส.อี.ซี.ออโต้เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ SECC ซึ่งประเด็นที่ปรึกษาส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องกับการแจ้งความดำเนินคดีกับผู้บริหารของ SECC ในการให้ข้อมูลเป็นเท็จ และกรณีไม่ดูแลทรัพย์สินของบริษัท และก่อให้เกิดการเสื่อมสภาพ ถือว่ามีความผิดรุนแรง
ทั้งนี้ ภายหลังที่สมาคมได้เรียกร้องให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยที่ได้รับความเสียหายจากกรณีของ SECC ส่งเรื่องมายังสมาคมเพื่อจะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการรวบรวมความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้น ขณะนี้ก็พบว่ามีผู้ลงทุนได้ทยอยส่งข้อมูลมายังสมาคม
โดยการฟ้องร้องจากความเสียหายที่เกิดขึ้น เป็นผลกระทบที่เกิดขึ้น เนื่องจากผู้บริหารของ SECC คือ นายสมพงษ์ วิทยารักษ์สรรค์ ประธานกรรมการบริหาร ของบริษัท ได้บินหนีไปยังต่างประเทศ พร้อมกับทิ้งข้อมูลการสูญหายของรถยนต์ในโกดังเก็บสินค้าและโชว์รูมของบริษัท คิดเป็นมูลค่าความเสียหายเกือบ 2 พันล้านบาท หรือ 60% ของมูลค่าสินทรัพย์รวมทั้งหมดของกิจการ และยังพบใบหุ้นปลอมที่ซื้อขายผ่านทางบริษัทหลักทรัพย์ด้วย
ขณะที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแขวนเครื่องหมาย SP เพื่อห้ามการซื้อขาย และ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ต่างจี้ให้บริษัทชี้แจงรายละเอียดและตรวจสอบทรัพย์สิน พร้อมกับตั้งให้มีผู้สอบบัญชีเป็นกรณีพิเศษ (Special Audit) เกี่ยวกับการมีอยู่จริงของสินทรัพย์ หนี้สิน การขาย ละโอนกรรมสิทธิ์ โดยต้องชี้แจงภายใน 30 ธันวาคมนี้ ขณะที่ทางบริษัทกลับขอยืดเวลาการชี้แจงดังกล่าว โดยอ้างว่าต้องใช้เวลาในการสำรวจเพื่อความละเอียด
นายวิชัย พูลวรลักษณ์ นายกสมาคมส่งเสริมผู้ลงไทย เปิดเผยว่า ในวันนี้ (24 ธ.ค.) ตัวแทนกรรมการของสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย จะเดินทางไปยังสภาทนายความ เพื่อปรึกษาหารือและขอข้อแนะนำการตั้งรูปคดีในการดำเนินการฟ้องร้องกรณีของบริษัท เอส.อี.ซี.ออโต้เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ SECC ซึ่งประเด็นที่ปรึกษาส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องกับการแจ้งความดำเนินคดีกับผู้บริหารของ SECC ในการให้ข้อมูลเป็นเท็จ และกรณีไม่ดูแลทรัพย์สินของบริษัท และก่อให้เกิดการเสื่อมสภาพ ถือว่ามีความผิดรุนแรง
ทั้งนี้ ภายหลังที่สมาคมได้เรียกร้องให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยที่ได้รับความเสียหายจากกรณีของ SECC ส่งเรื่องมายังสมาคมเพื่อจะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการรวบรวมความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้น ขณะนี้ก็พบว่ามีผู้ลงทุนได้ทยอยส่งข้อมูลมายังสมาคม
โดยการฟ้องร้องจากความเสียหายที่เกิดขึ้น เป็นผลกระทบที่เกิดขึ้น เนื่องจากผู้บริหารของ SECC คือ นายสมพงษ์ วิทยารักษ์สรรค์ ประธานกรรมการบริหาร ของบริษัท ได้บินหนีไปยังต่างประเทศ พร้อมกับทิ้งข้อมูลการสูญหายของรถยนต์ในโกดังเก็บสินค้าและโชว์รูมของบริษัท คิดเป็นมูลค่าความเสียหายเกือบ 2 พันล้านบาท หรือ 60% ของมูลค่าสินทรัพย์รวมทั้งหมดของกิจการ และยังพบใบหุ้นปลอมที่ซื้อขายผ่านทางบริษัทหลักทรัพย์ด้วย
ขณะที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแขวนเครื่องหมาย SP เพื่อห้ามการซื้อขาย และ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ต่างจี้ให้บริษัทชี้แจงรายละเอียดและตรวจสอบทรัพย์สิน พร้อมกับตั้งให้มีผู้สอบบัญชีเป็นกรณีพิเศษ (Special Audit) เกี่ยวกับการมีอยู่จริงของสินทรัพย์ หนี้สิน การขาย ละโอนกรรมสิทธิ์ โดยต้องชี้แจงภายใน 30 ธันวาคมนี้ ขณะที่ทางบริษัทกลับขอยืดเวลาการชี้แจงดังกล่าว โดยอ้างว่าต้องใช้เวลาในการสำรวจเพื่อความละเอียด