xs
xsm
sm
md
lg

บล.บัวหลวงแนะ นลท.ลงทุนนอก เหตุผลตอบแทนดีสภาพคล่องสูง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บล.บัวหลวง ชี้ช่องลงทุนต่างประเทศสร้างผลตอบแทนสูง แม้มีความเสี่ยง แต่สินค้าหลากหลาย สภาพคล่องซื้อขายมากกว่าตลาดทุนไทย แนะลงทุนหุ้นกู้ บจ.ไทยในต่างแดนชี้ยิลด์สูงผิดปกติถึง 9-10% เหตุนักลงทุนต่างชาติเมินเพราะไม่คุ้นเคย ขณะ “ญาณศักดิ์” แนะหุ้นกู้เอกชนให้ผลตอบแทนดี เหตุตลาดหุ้นซบดอกเบี้ยต่ำ เผยลงทุนระยะสั้นให้ผลตอบแทนถึง 30% คาด มาร์เกตแชร์ไตรมาสแรกยังดีที่ 4% แม้วอลุ่มโดยรวมหด

นายวิวัฒน์ วิชิตบุญญเศรษฐ รองกรรม การผู้จัดการสายงานบริการกองทุนส่วนบุคคล บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บัวหลวง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยไม่ดี ขณะนี้ถือว่าเป็นจังหวะที่ดีในการที่นักลงทุนจะหันไปลงทุนในสินค้าอื่นจากที่จะคุ้นเคยกับลงทุนเพียงหุ้นที่เทรดในตลาดหลักทรัพย์เท่านั้น ซึ่ง บล.บัวหลวงพร้อมให้บริการสินค้าแก่นักลงทุนมีความหลากหลายมากกว่า บล.อื่น ขณะนี้การลงทุนต่างประเทศถือว่าเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ให้ผลตอบแทน(ยิลด์) สูง แม้จะมีความเสี่ยง และต่างประเทศมีสินค้าให้เลือกลงทุนที่หลากหลายและสภาพคล่องซื้อขายมากกว่าตลาดหุ้นไทย

“จากปัญหาวิกฤตทำให้นักลงทุนต่างประเทศมีความระมัดระวังในการลงทุน ทำให้มีการเลือกลงทุนในหุ้นหรือหุ้นกู้ที่ตนเองคุ้นเคยจึงทำให้หุ้นกู้ที่ออกโดย บจ.ไม่ได้รับความสนใจ จึงทำให้ยิลด์สูงมาก จึงถือเป็นโอกาสที่ดีของนักลงทุนไทยที่จะไปลงทุน จากช่องทางการลงทุนเปิด แต่การลงทุนในต่างประเทศถือว่ามีความเสี่ยง แต่นักลงทุนจะต้องเลือกและลงทุนในสินค้าที่ดี” นายวิวัฒน์ กล่าว

ทั้งนี้ การลงทุนในต่างประเทศนั้นบริษัทแนะนำให้ลงทุนในตราสารหนี้โดยเฉพาะหุ้นกู้ของบริษัทจดทะเบียนไทยที่นำไปเสนอขายยังต่างประเทศที่ให้ยิลด์สูง จากวิกฤตทำให้นักลงทุน มีความระมัดระวังในการลงทุน ทำให้นักลงทุน ต่างประเทศเลือกลงทุนในสินค้าที่ตนเองรู้จักและคุ้นเคย และเรตติ้งหุ้นกู้ของไทยไม่สูง เพราะอาจจะเกิดจากระบบการจัดเรตติ้งที่กำหนดให้หุ้นกู้ที่ออกต่ำกว่าเรตติ้งของประเทศไทย

ดังนั้น จะทำให้หุ้นกู้ของบริษัทจดทะเบียนไทยไม่ค่อยได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างประเทศ ส่งผลให้ยิลด์หุ้นกู้ของ บจ.ไทย สูงมาก 9-10% ซึ่งเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แต่หากเปลี่ยนเป็นเงินบาทถือว่ายังให้ยิลด์ที่สูงเช่นกัน เพราะบริษัทจะป้องกันความเสี่ยงของค่าเงินแล้ว จึงถือเป็นโอกาสในการลงทุนของนักลงทุนไทยที่จะไปลงทุนในหุ้นกู้ บจ.ไทยที่นำไปเสนอขายใน ต่างประเทศ เพราะนักลงทุนไทยจะทราบข้อมูล บจ.ไทยมากกว่านักลงทุนต่างประเทศ

นายวิวัฒน์ กล่าวว่า หุ้นกู้ของ บจ.ไทยที่มีเรตติ้งใกล้เคียงกับหุ้นกู้ของบริษัทต่างประเทศ พบว่าให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าหุ้นกู้ต่างประเทศถึง 3-4% หากคิดเป็นผลตอบแทนจากอัตราดอกเบี้ย เมื่อเปลี่ยนเป็นสกุลเงินบาทแล้วจะให้ผลตอบแทนสูงถึง 2-3 บาท แต่หากไปลงทุนในหุ้นกู้บริษัทในประเทศอื่นนั้นถือว่ายังให้ผลตอบแทนสูงที่ 7.5% โดยเป็นเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯจึงถือว่าเป็นโอกาสที่ดีในการลงทุน

สำหรับ บจ.ไทยที่มีการออกหุ้นกู้ขายในต่างประเทศ ประกอบด้วย บริษัท ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PTTAR บริษัท ปตท.เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTCH บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ธนาคารกสิกรไทย จำกำ (มหาชน) หรือ KBANK ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMB ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL

นายญาณศักดิ์ มโนมัยพิบูลย์ กรรมการ บล.บัวหลวง กล่าวว่า จากภาวะตลาดหุ้นไม่ดีและอัตราดอกเบี้ยเงินฝากมีแนวโน้มปรับตัวลดลงนั้นบริษัท แนะนำนักลงทุนให้ลงทุนในหุ้นกู้ เพราะผลตอบแทนสูง และวิกฤตทางการเงินและเศรษฐกิจโลกที่ถดถอยนั้นทำให้นักลงทุนตื่นจนเทขายหุ้นกู้ออกมาทำให้ผลตอบแทนการลงทุนในหุ้นกู้สูงกว่าผิดปกติ โดย บล.บัวหลวง ได้ประสานกับทางธนาคารกรุงเทพ ในการนำหุ้นกู้ที่ธนาคารกรุงเทพเป็นตัวแทนจำหน่ายหุ้นกู้มาแบ่งมาเสนอขายแก่ลูกค้าของ บล.บัวหลวง

ทั้งนี้ 3 เดือนที่ผ่านมานักลงทุนจองซื้อในตลาดแรก และหากนำมาขายในตลาดรองจะให้ผลตอบแทนถึง 30% และหากถือเพียง 1 เดือนจะทำให้ได้กำไรเกือบ 1 หมื่นล้านบาท ประกอบกับการที่ บจ.ไทย ไประดมทุนออกหุ้นกู้ต่างประเทศไม่ได้ ซึ่งบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) มีการออกหุ้นกู้ระยะ 15 ปีในประเทศไทยมานาน แล้ว รวมถึงหุ้นกู้เอกชนปัจจุบันให้ยิลด์สูงกว่าพันธบัตรรัฐบาลถึง 2.5-3%

ดังนั้น จึงเป็นโอกาสที่ดีในการลงทุนช่วง วิกฤตขณะนี้ โดยเจ้าหน้าที่การตลาดของบริษัทนั้นจะแนะนำโอกาสในการลงทุนให้แก่นักลงทุน แต่สัญญาณการลงทุนในหุ้นกู้จะให้ผลตอบแทน ที่ลดลงนั้นก็ต่อเมื่อปัญหาเศรษฐกิจโลกมีการคลี่คลายจากตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ ออกมาดี ดัชนีตลาดหุ้นไทยไม่ผันผวนมาก จากปัจจุบันเป็นภาวะที่ผิดปกติ

นายญาณศักดิ์ กล่าวว่า จากการที่เจ้าหน้าที่ การตลาดของบริษัท แนะนำการลงทุนอื่นเช่น ตลาดอนุพันธ์ที่ยังมีโอกาสเติบโตอีกมากแม้วอลุ่มการซื้อขายตลาดหุ้นจะลดลง แต่วอลุ่มการ ซื้อขายไม่ได้ปรับตัวลดลง และการลงทุนใน หุ้นกู้ รวมถึงสินค้าใหม่ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่การตลาดมีรายได้สูงกว่าเจ้าหน้าที่การตลาดที่แนะนำลงทุนในหุ้นอย่างเดียว ซึ่งบริษัทจะจัดอบรมสินค้าใหม่ๆ ให้เจ้าหน้าที่ตลาดแนะนำนักลงทุน ซึ่งบริษัทคาดว่าส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เกตแชร์) ไตรมาสแรกปีนี้ 4% เท่ากับปี 2551 จากวอลุ่ม นักลงทุนรายย่อยปรับเพิ่ม คาดเฉลี่ย อยู่ที่ 5% ส่วนนักลงทุนต่างประเทศที่ซื้อขายผ่านบริษัทจากออเดอร์จาก เจ.พี.มอร์แกน นั้นถือว่าอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีก่อน
กำลังโหลดความคิดเห็น