บลจ. ธนชาต โชว์ศักยภาพประเดิมปีเสือจ่ายปันผลกองหุ้น “ธนชาติหุ้นระยะยาวปันผล” ผู้ถือหน่วยเฮรับพร้อมกัน 20 ม.ค.นี้ อัตรา 0.50 บาทต่อหน่วย
นายมณฑล จุนชยะ ผู้อำนวยการอาวุโสสายบริหารกองทุนรวม บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) ธนชาต จำกัด เปิดเผยว่า การบริหารพอร์ตกองทุนหุ้นของบริษัท ซึ่งบริษัทเองจะต้องคำนึงถึงการบริหารอย่างระมัดระวัง และบริหารอย่างปลอดภัยที่สุด
เพื่อให้ผลการดำเนินงานของแต่ละกองทุนไม่หนีห่างหรือแตกต่างไปจากเบนซ์มาร์กมากนัก เพื่อให้นักลงทุนสบายใจได้ ดังนั้น ความผันผวนในเรื่องของผลการดำเนินงานคงไม่หนีห่างกันมากนัก
ทั้งนี้ เชื่อว่านักลงทุนจะมีความเข้าใจกับผลการดำเนินงานของแต่ละกองทุน เพราะเนื่องจากลูกค้าที่เข้ามาลงทุนส่วนใหญ่แล้วเป็นลูกค้าที่ลงทุนกันมานานและแต่ละกองทุนก็มีการเปิดขายกันมานานแล้ว
สำหรับในช่วงปีที่ผ่านมาการบริหารกองทุนรวมหุ้นมีหลายปัจจัยเข้ามากระทบ โดยบริษัทเองยังคงเน้นเลือกหุ้นกลุ่มที่มีปัจจัยพื้นฐานเป็นหลักก่อน และตามด้วยหุ้นที่ถูกกว่าปัจจัยพื้นฐาน ส่วนหุ้นที่เป็นไปตามกระแสนั้นบริษัทจะไม่ทำการเลือกเข้ามาลงทุนเพราะมันยังคงมีความผันผวนอยู่
ขณะเดียวกันล่าสุดในฐานะบริษัทจัดการของกองทุนเปิดธนชาติหุ้นระยะยาวปันผล มีมติในที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาจ่ายผลตอบแทนกองทุนรวม ครั้งที่ 1/2553 เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2553 ที่ผ่านมา ให้จ่ายเงินปันผลประจำปี สำหรับรอบปีบัญชีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2552 ของกองทุนดังกล่าวในอัตราหน่วยละ 0.50 บาทต่อหน่วย ให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีชื่อปรากฎอยู่ในสมุดทะเบียน ณ วันที่ 11 มกราคม 2553 โดยจะกำหนดให้จ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 20 มกราคม 2553
ทั้งนี้ ณ วันที่ 12 มกราคม 2553 ที่ผ่านมา กองทุนมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ หรือเอ็นเอวีอยู่ที่ 437.74 ล้านบาท และมูลค่าหน่วยลงทุนอยู่ที่ 12.04 บาทต่อหน่วย ส่วนผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -1.33% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ -0.88% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 28.02% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 31.66%
ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 55.32% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 64.58% และผลตอบแทนตั้งแต่เริ่มจัดตั้งกองทุนอยู่ที่ 43.12% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 14.22%
ขณะที่สัดส่วนการลงทุนคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ณ วันที่ 27 พฤศจิกายน 2552 แบ่งออกเป็นหุ้นกลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภคอยู่ที่ 31.80% ,หุ้นกลุ่มธนาคารอยู่ที่ 24.21% , หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารอยู่ที่ 10.72% , หุ้นกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อยู่ที่ 7.45% , หุ้นกลุ่มพาณิชย์อยู่ที่ 6.21% และกลุ่มอื่น ๆ อีกประมาณ 13.82% นอกจากนี้กองทุนยังได้กระจายการลงทุนไปยังเงินฝากและอื่น ๆ อยู่ที่ 0.39% พันธบัตรรัฐบาลหรือรัฐวิสาหกิจอยู่ที่ 5.41%
นอกจากนี้ผู้ออกหลักทรัพย์ที่กองทุนลงทุน 5 อันดับแรก ได้แก่ 1. บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) อยู่ที่ 11.65% 2. บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) 9.68% 3. บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) อยู่ที่ 7.66% 4. ธนาคารกสิกรไทยอยู่ที่ 6.20% และ 5. ธนาคารกรุงเทพอยู่ที่ 5.40%
